หมอธีระวัฒน์ ชี้สารเพิ่มความหวานใน ‘เครื่องดื่มไร้น้ำตาล’ เสี่ยงหัวใจวาย-อัมพฤกษ์

น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง รพ.จุฬา เผยงานวิจัยที่ระบุว่า สารเพิ่มความหวานในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล กลับเสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์ได้

วันที่ 23 กันยายน 2566 น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha หัวข้อเรื่องสารหวานในเครื่องดื่มไร้น้ำตาล เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์ ซึ่งหมอธีระวัฒน์อธิบายไว้ดังนี้

นับเป็น 10 ปีมาแล้วที่มีการใช้สารน้ำตาลเทียมเพิ่มหรือแทนความหวานที่ได้จากน้ำตาล ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองกับ คนที่มีโรคเบาหวาน โรคอ้วนหรือมีความเสี่ยง ที่จะเกิดโรคที่เรียกว่าเมตาบอลิค ซินโดรม (Metabolic syndrome) ที่เป็นกลุ่มอาการที่จะต่อติด ต่อเนื่อง ตามกันมา จากอ้วน ดื้ออินซูลิน เบาหวาน ไขมันสูง มีภาวะเส้นเลือดผิดปกติและนำไปสู่โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ จนกระทั่งถึงมะเร็ง

ด้วยการที่มีสารอักเสบก่อตัวในร่างกาย ทุกระบบและในสมอง จนเร่ง สมองเสื่อมให้เกิดขึ้นเร็วและรุนแรง และพิสูจน์แล้วว่าเร่ง ความแก่ชรา ให้มากขึ้น

และสารทดแทนเหล่านี้ ได้มีการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรกลางต่างๆ ที่ทำการประเมินและมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

แต่กระนั้น การติดตาม ภาวะสุขภาพ ในคนที่ได้รับสารหวานเทียมเหล่านี้ เริ่มมีรายงานออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ในปี 2000 เป็นต้นมา ถึงผลที่อาจไม่พึงประสงค์ รวมทั้งแทนที่จะเกิดประโยชน์ กลับมีโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้

โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดตีบ แต่เนื่องจากเป็นการศึกษาที่ไม่ทอดระยะเวลานานนัก และไม่สามารถเชื่อมโยง ความสัมพันธ์หรือการเป็นสาเหตุได้ชัดเจน เนื่องจากมีตัวแปรและปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ ข้อมูลยังมีความคลุมเครืออยู่

รายงานในวารสารเนเจอร์  27 กุมภาพันธ์ 2023 เป็นงานต่อเนื่องตั้งแต่การค้นพบความสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ในลำไส้ กับการอักเสบ และเส้นเลือดตันที่รายงานในวารสารนิวอิงแลนด์และเนเจอร์ในปี 2013 ที่ ตอกย้ำพิสูจน์ว่าการกินเนื้อแดง และไข่แดง จะเชื่อมโยงกับจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียไม่ดีในลำไส้ ที่สกัดและผลิตสารอักเสบออกมาชื่อ TMA และ TMAO

ทั้งนี้ การลดการกินเนื้อและไข่แดง โดยที่ หนัก ผัก ผลไม้กากไย ถั่ว จะระงับการอักเสบดังกล่าว  และเริ่มพบ ว่า สาร polyols ก็มีความสัมพันธ์ร่วม

งานในปี 2023 นี้พบว่าสาร erythritol ซึ่งอยู่ในกลุ่ม polyol ทำให้เกร็ดเลือดไวขึ้น จนเพิ่มความเสี่ยงของเส้นเลือดตัน

การศึกษาเริ่มจากเป็น un targeted metabolomics ในคน 1,157 รายที่มา ประเมินความเสี่ยงของเส้นเลือดหัวใจ (discovery cohort) โดยได้ทำการสวนเส้นเลือดหัวใจ จนพบว่าระดับของสาร polyol โดยเฉพาะ erythritol สัมพันธ์กับโรคหัวใจและอัมพฤกษ์มากขึ้นหลังจากติดตามสามปี จากการตรวจด้วย GC-MS แต่ทั้งนี้ บอกได้คร่าวๆ และยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับระดับปริมาณที่ชัดเจนได้

การศึกษาต่อมาเฉพาะเจาะจง targeted metabolomics คนอเมริกัน 2,149 ราย และคนในยุโรป 833 ราย (validation cohort) ที่มาตรวจประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยมีข้อมูลความรุนแรงและการติดตามก่อนหน้านั้นหลายปี โดยใช้ตัวอย่างเลือด ในคนอเมริกันจากรายงานของปี 2013 และควบรวมกับคนในยุโรป พบความสัมพันธ์ชัดเจนระหว่างระดับของ erythritol กับ ความเสี่ยงที่สูงขึ้น

จากการตรวจด้วย LC-MS (fourth versus first quartile adjusted hazard ratio (95% confidence interval), 1.80 (1.18–2.77) and 2.21 (1.20–4.07), respectively) และการทดสอบการทำงานของเกร็ดเลือดพบว่ามีการกระตุ้นเพิ่มขึ้น ทั้งในหลอดทดลองและเพิ่มการเกิดเส้นเลือดตันในหนูทดลอง

การศึกษาต่อมา (intervention study) เฉพาะเจาะจงโดยที่มีอาสาสมัคร แปดราย กิน erythritol 30 กรัม ที่เป็นขนาดปกติในเครื่องดื่มหรือใน ไอศครีมคีโต พบระดับในเลือดสูง ลอยมากอยู่จนถึงสองวันถัดมา

ทั้งนี้ ในผลิตภัณฑ์อาหารที่พบอยู่ได้ทั่วไปนั้น จะมีปริมาณของสาร erythritol ในขนาดสูงมากกว่า 30 กรัมด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความหวานให้มากขึ้น โดยที่อาจไม่ได้มีการระบุปริมาณที่ชัดเจนเนื่องจากถือว่าเป็นสารปลอดภัย

ผลที่ได้จากรายงานนี้ อาจต้องมีการหาความสัมพันธ์เป็นเหตุเป็นผล เพิ่มขึ้นแม้ว่าการทดลองในรายงานนี้จะมีผลการศึกษาในหนูทดลองรวมกระทั่งถึงในอาสาสมัครแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยเพียงแปดรายแต่การทดสอบของเกร็ดเลือดนั้นแสดงถึงปฏิกิริยาที่สูงขึ้น ในระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นเลือดได้

คณะผู้วิจัย ได้จุดประเด็นที่ควรต้องทำต่อจากนี้ ก็คือการที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้นควรที่จะแสดงปริมาณของสาร erythritol ทั้งนี้อาจจะเป็นสารเดี่ยวที่ใส่เข้าไปหรือใส่เข้าไปร่วมกับสารที่ เสมือนมาจากธรรมชาติ เช่น จาก Monk fruit หล่อฮั่งก้วยและ Strevia หญ้าหวาน ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200 ถึง 400 เท่า และในผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้นอาจเพิ่มเติม erythritol เพื่อให้สะดวก แก่การผลิตในรูปของการบริโภคสำเร็จ

แต่จะรอให้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงในอนาคตจากข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 นี้ ซึ่งไม่ทราบว่าจะต้องรอเวลาไปอีกกี่เดือนหรือกี่ปี

ควรหรือไม่ ที่ผู้บริโภคอาจจะต้องเตรียมตัวเอง ในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้ความหวานที่ได้จากผักผลไม้ ที่ต้องกินโดยที่เป็นในรูปของกากไยด้วย เป็นชิ้นเป็นผล เป็นเนื้อ โดยไม่ใช่คั้นเอาแต่น้ำและทิ้งกากใยออกไป

ซึ่งในรูปลักษณะนี้ ความหวานที่ได้จะปลอดภัย และ แม้ว่า erythritol จะมีการสังเคราะห์ขึ้นเองในร่างกายตามธรรมชาติ (endogenous) แต่ปริมาณ ที่เกิดขึ้นจะน้อยกว่าหรือต่ำกว่า ปริมาณที่มีผล กระตุ้นและทำให้เกิดมีความเสียหายต่อเส้นเลือดมาก

ความจำเป็นที่ต้องเข้าใกล้ธรรมชาติ เข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง เนื้อสัตว์ แทนด้วยปลา และหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนด้วยสารเคมีและสารทดแทน เป็นเพื่อรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรงและไม่เป็นภาระต่อตนเองครอบครัวสังคมและประเทศ