“ประยุทธ์” ชื่นชมนักวิจัยวิศวะมหิดลเจ๋ง ! สกัดสารจากทะลายปาล์ม ใช้นำส่งยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า ตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG หนุนไทยสู่การเป็นเมดิคอลฮับ
วันที่ 6 มกราคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสามารถทีมนักวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรม “อนุภาคคาร์บอนเรืองแสง” จากสารชีวพอลิเมอร์ทะลายปาล์ม เพื่อนำส่งยารักษามะเร็งลำไส้แบบ “เคมีบำบัดมุ่งเป้า” ได้สำเร็จ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สามารถตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG และเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเป็นเมดิคอลฮับ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
นางสาวรัชดากล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นฝีมือจากทีมนักวิจัยไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 5 คน และหน่วยปฏิบัติการเวชศาสตร์นาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งได้คิดค้นนวัตกรรม “อนุภาคคาร์บอนเรืองแสงจากสารชีวพอลิเมอร์ทะลายปาล์ม เพื่อส่งยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า” จนสำเร็จ
ซึ่งการใช้อนุภาคคาร์บอน (Carbon Dots) ที่เป็นวัสดุนาโนในการนําส่งยาเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปขัดขวางและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงจํากัดบริเวณเพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่อย่างแม่นยำ ช่วยลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติโดยรอบ และลดผลข้างเคียงจากการรักษาได้
โดยคุณสมบัติของอนุภาคคาร์บอน (Carbon Dots) มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ มีขนาดเฉลี่ยต่ำกว่า 10 นาโนเมตร สามารถเคลื่อนที่เข้าไปในเซลล์ได้ดี และมีคุณสมบัติในการเรืองแสงหลายสี ซึ่งจะช่วยติดตามการบำบัดรักษาได้ว่ายาอยู่ส่วนไหนของร่างกาย
สำหรับการสังเคราะห์อนุภาคคาร์บอนนั้น นางสาวรัชดากล่าวว่า ทีมวิจัยได้เลือกใช้กระบวนการไฮโดรเทอร์มัล คาร์บอไนเซชั่น เนื่องจากมีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ มีศักยภาพในการขยายขนาดในภาคอุตสาหกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จุดเด่นของการสังเคราะห์อนุภาคคาร์บอนจากทะลายปาล์ม ทะลายปาล์มมีโครงสร้างหลัก คือ กลุ่มของลิกโนเซลลูโลส (Lignocellulose) ที่ประกอบด้วยเซลลูโลส (Cellulose) 35-50% เฮมิเซลลูโลส (Hemicellulose) 20-35% และลิกนิน (Lignin) 10-25% เมื่อผ่านกระบวนการปรับสภาพและแยกองค์ประกอบแล้ว จะกลายเป็นอนุภาคคาร์บอนที่ดี
นอกจากนี้ ยังเป็นวัสดุระดับนาโนจากชีวมวลเหลือจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ที่สามารถนำมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่าทางอุตสาหกรรมการแพทย์ได้
“ประโยชน์ของนวัตกรรม ‘อนุภาคคาร์บอนเรืองแสงจากสารชีวพอลิเมอร์ทะลายปาล์ม เพื่อส่งยารักษามะเร็งลำไส้แบบมุ่งเป้า’ จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีต้นทุนการรักษาต่ำ ไม่มีพิษต่อร่างกาย อีกทั้งยังลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างทั่วถึง ส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตจากวัตถุดิบการเกษตรที่มีในประเทศ
และลดการนำเข้าวัสดุนำส่งยาที่มีราคาแพง ตลอดจนสอดคล้องกับแนวเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล ที่จะสร้างโอกาสในการต่อยอดอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยก้าวสู่การเป็นเมดิคอลฮับของภูมิภาค” นางสาวรัชดาย้ำ