แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ภาพจาก Reuters

“แมนเชสเตอร์ ซิตี้” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 อย่างเป็นทางการแล้ว หลัง “อาร์เซนอล” บุกไปพ่าย “น็อตติงแฮม ฟอเรสต์” เรือใบสีฟ้าสุดโหดบวกพรีเมียร์ลีกเพิ่มเป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร ป้องกันแชมป์ได้ 3 ปี ติดต่อกัน และคว้าแชมป์ได้ 5 จาก 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมเปิดบ้านนัดที่ 36 เจอเชลซีคืนนี้

วันที่ 21 พฤษภาคม 2566 หลังทัพปืนใหญ่ “อาร์เซนอล” บุกพ่าย “น็อตติงแฮม ฟอเรสต์” 1-0 ประตู ทำให้ลงเตะไปแล้ว 37 นัด มี 81 คะแนน เท่ากับว่าเหลือแข่งอีกเพียง 1 นัด แต่ตามหลัง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” อยู่ 4 คะแนน ทำให้ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 ในทันที

การคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 7 และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 9 โดยมีสถิติสุดโหดครองเเชมป์เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน และทีมของ “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” ยังสามารถคว้าแชมป์ได้ 5 จาก 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งนี้ ซิตี้ จะชูถ้วยรางวัลหลังจากพวกเขาพบกับเชลซีในวันอาทิตย์นี้

Manchester City
ภาพจาก Manchester City

ทัพเรือใบสีฟ้ายังมีโอกาสคว้า 3 แชมป์ จากนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย “เอฟเอ คัพ”กับ คู่ปรับร่วมเมืองอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และ “แชมเปี้ยนส์ ลีก” กับ “อินเตอร์ มิลาน” โดยมีคิวเตะในเดือนมิถุนายน

“อิลคาย กุนโดกัน” ซึ่งยิงได้ 4 ประตูจาก 2 เกมลีกหลังสุด กล่าวกับ BBC SPORT ว่า พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนั่นจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับความสำเร็จนี้

การคว้าถ้วยรางวัลนี้ 3 สมัยติดต่อกันและ 5 สมัยใน 6 ปีนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ คุณภาพและความสม่ำเสมอนั้นช่วยสรุปสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยึดมั่นและทำให้มั่นใจว่าสโมสรจะมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จต่อไป “มันเป็นฤดูกาลที่จะไม่มีวันลืม” กัปตันทีมซิตี้ กล่าว

อาร์เซนอล
ภาพจาก Reuters

อาร์เซนอล แผ่ว

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 แมนฯ ซิตี้ ยังตามหลัง อาร์เซนอล ถึง 8 คะแนน ในขณะที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด เป็นเพียงครั้งที่ 4 เท่านั้นที่ทีมนำห่างมากถึง 8 แต้มหลังจากเล่นเกมพรีเมียร์ลีกไปอย่างน้อย 28 นัดแล้วไม่สามารถคว้าแชมป์ได้

มีเพียงทีมเดียวที่เคยมี 69 แต้มกับอีก 10 เกมที่เหลือและไม่สามารถคว้าแชมป์ได้นั่นคือ “ลิเวอร์พูล” ในปี 2018-19 ที่จบด้วย 97 แต้ม ตามหลัง ซิตี้ 1 แต้มเท่านั้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ภาพจาก Reuters

ปรากฏการณ์ยุคปัจจุบัน

ซิตี้ เป็นเพียงสโมสรที่ 5 ในอังกฤษที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยติดต่อกัน ต่อจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ (1924-26), อาร์เซนอล (1933-35), ลิเวอร์พูล (1982-84) และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำได้สองครั้งภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1999-01 และ 2007-09)

การที่ ซิตี้ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัยใน 6 ฤดูกาล ทีมสุดท้ายที่ทำได้คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 1996 ถึง 2001 โดยปีศาจแดงยังคว้าแชมป์ 7 รายการใน 9 ฤดูกาลระหว่างปี 1993-2001 เช่นเดียวกับ 5 แชมป์ใน 7 ฤดูกาลระหว่างปี 2007-2013

ก่อนหน้านั้นก็มีลิเวอร์พูลในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ที่มีช่วงเวลาแห่งความสำเร็จในลีกที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นสิ่งที่ ซิตี้ ทำได้จึงถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ในยุคปัจจุบัน

Pep Guardiola
ภาพจาก AFP

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งที่ 3 ที่ กวาร์ดิโอลา สามารถคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน โดยทำได้ใน ลา ลีกา สเปน กับบาร์เซโลนา (2009-11) และในบุนเดสลีกา เยอรมัน กับบาเยิร์น มิวนิก (2014-16)

Erling Braut Haaland
ภาพจาก Reuters

“ฮาลันด์” จอมถล่มประตู

แรงผลักดันสู่ความสำเร็จนั้นส่วนหนึ่งมาจากสถิติการทำประตูที่น่าทึ่งของ “เออร์ลิง ฮาลันด์” ที่ย้ายจาก “โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์” มาร่วมทัพเรือใบเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว

กองหน้าชาวนอร์เวย์วัย 22 กะรัต ทำไปถึง 52 ประตูจาก 48 เกมในการแข่งขันทุกรายการ โดยยิงไป 36 ประตูในเกมลีก

ที่สำคัญเจ้าตัวยังทำลายสถิติการทำประตูของพรีเมียร์ลีกในหนึ่งฤดูกาล แซงหน้า “แอนดี้ โคล” และ “อลัน เชียร์เรอร์” ซึ่งทำไป 34 ประตูเมื่อครั้งพรีเมียร์ลีกยังเตะ 42 นัด

ขณะที่แมนฯซิตี้มีคิวเตะนัดที่ 36 คืนนี้ (21 พ.ค.) โดยจะเล่นในบ้านเจอกับเชลซี เวลา 22.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

พรีเมียร์ลีก
ภาพจาก Premier League