ธุรกิจท่องเที่ยว

ออนิกซ์ฯ รุกต่างประเทศ ตั้งเป้าปี’66 โกยรายได้ 8.8 พันล้าน ทะลุก่อนโควิด

Amari Watergate Bangkok - อมารี

“ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้” รุกขยายต่างประเทศ กางแผนบริหารโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 11 แห่ง ในอีก 2-3 ปี ตั้งเป้าปี’66 โกยรายได้ 8.8 พันล้าน ทะลุก่อนโควิด

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้บริหารโรงแรมเครืออมารี เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2566 นี้ บริษัทจะโฟกัสตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยมองว่าตลาดการท่องเที่ยวไทยอาจมีขนาดเล็กอยู่ อีกทั้งมีการแข่งขันด้านราคาที่สูง และยังไม่มีการควบคุมอุปทานด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสม

โดยปัจจุบันกลุ่มออนิกซ์ฯ มีพอร์ตธุรกิจรวม 44 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และ สปป.ลาว โดยรูปแบบการบริหารงานเป็นเจ้าของเอง 18% หรือราว 15 แห่ง และรับบริหารอีก 82%

ยุทธชัย จรณะจิตต์

“ในปี 2566 นี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบรนด์โรงแรมที่มีอยู่ รวมถึงขยายโรงแรมในลักษณะประเภทรับบริหารมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่ามีความคล่องตัวมากกว่าการลงทุนก่อสร้างเอง” นายยุทธชัยกล่าว

สำหรับในระยะ 2-3 ปีหลังจากนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายพอร์ตโรงแรมเพิ่มอีก 11 แห่ง โดยเป็นการขยายโรงแรมภายใต้แบรนด์อมารี ซึ่งจับกลุ่มลักเซอรี่จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ Amari Raaya Maldives, Amari Niseko Japan, Amari Vientiane Laos, Amari Colombo Sri Lanka และ Amari The Tide Bangsaen

ขณะเดียวกัน ยังมีแบรนด์ Shama จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ Shama Johor Bahru, Shama Medini Malaysia, Shama Hub Haikou, Shama Hub Metro South และ Shama Hub Qiantang และแบรนด์ OZO 1 แห่ง คือ OZO Medini Malaysia

นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/2566 นี้ บริษัทยังเตรียมรีแบรนด์โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต สู่การเป็นโรงแรมอมารี แบงค็อก เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น

“ในปีนี้เราจะชะลอการลงทุนขนาดใหญ่มาโฟกัสที่โรงแรมที่มีอยู่ก่อน จะไม่ลงทุนหลักหลายพันหรือหมื่นล้าน เพราะดอกเบี้ยในปีนี้สูงมาก” นายยุทธชัยกล่าว

นายยุทธชัยกล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 2566 จะมีรายได้รวม 8.8 พันล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อนหน้า และมีรายได้สูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำรายได้ไว้ที่ราว 7 พันล้านบาท โดยมาจากแบรนด์อมารี 62.8% แบรนด์ OZO 12.1% แบรนด์ Shama 16.6% และแบรนด์อื่น ๆ อีก 8.5% และในอนาคตตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ OZO มากขึ้นเป็น 25% และแบรนด์ Shama เป็น 20%

“หากบริษัทสามารถขยายโรงแรมทั้ง 11 แห่งได้ครบตามเป้าหมายในอีก 2-3 ปี เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท” นายยุทธชัยกล่าว