การบินไทยจับมือบางจาก แลกเปลี่ยนความรู้น้ำมันเครื่องบินแบบยั่งยืน

การบินไทย จับมือ บางจาก

การบินไทยจับมือบางจาก แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคนิคด้านน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน หวังพิชิตเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในอีกราว 30 ปี

วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยและบางจาก ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภาคการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ได้เติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)

นอกจากนี้ ยังเป็นการร่วมกันแบ่งปัน นำองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่าย เพื่อดำเนินการศึกษาด้านเทคนิคในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน : Sustainable Aviation Fuel (SAF) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero

อีกทั้งเพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การผสานความร่วมมือด้านอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต เพื่อเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมการบิน มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คิดเป็นร้อยละ 2 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด และในอนาคตก็มีแนวโน้มที่อุตสาหกรรมการบินจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกย่อมเพิ่มขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากได้ตั้งบริษัทเพื่อผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนจากน้ำมันใช้แล้ว (Sustainable Aviation Fuel-SAF) เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ตามแผนงาน BCP 316 NET ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม มุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของบริษัท ในปี พ.ศ. 2563

พร้อมวางแผนปรับเปลี่ยนโรงกลั่นน้ำมันบางจากเป็นโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) เพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการขนส่ง และสำหรับ SAF ไม่เพียงเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำมันใช้แล้ว แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน สอดคล้องกับแนวโน้มในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกที่กำลังเดินหน้าตามเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ FlyNetZero ให้สำเร็จในปี พ.ศ. 2593 เช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีภารกิจอื่น ๆ ในการร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสถานีบริการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจติดตั้ง EV Charger ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วไทย การขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ศึกษาและลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่

“เราเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นกับการบินไทยในครั้งนี้ จะนำไปสู่การส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ สามารถเข้าถึงน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนและมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ และสามารถขยายผล ต่อยอด และผสานความร่วมมือด้านอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต” นายธรรมรัตน์กล่าว