ดราม่า “ตำรวจจีน” ลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยวของไทยจบไปแล้ว
แต่ในฟากของภาคเอกชนท่องเที่ยวบางส่วนยังรู้สึกเสียดายที่ภาครัฐประกาศยุติโครงการเพียงแค่ “การสื่อสาร” ที่ผิดพลาดไป แต่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีนกล้าตัดสินใจกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง
“สุรวัช อัครวรมาศ” รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ส่วนตัวมองว่าการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนวันนี้ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ดังนั้น ประเด็นที่รัฐต้องการส่งสัญญาณคือ การเร่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเรียกคืนความเชื่อมั่นให้การท่องเที่ยวไทยโดยเร็ว โดยทำงานในลักษณะแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของ 2 ประเทศร่วมกัน โดยเฉพาะปัญหาในด้านความปลอดภัยที่ต้องให้ตำรวจท่องเที่ยวจีนเข้ามาช่วยดูแล (ไม่ใช่เข้ามาลาดตระเวน)
ทั้งนี้ หากจำกันได้ประเทศไทยโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประชุมหารือร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน (China National Tourism Administration : CNTA) สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อ Meeting of Coordination Group of Thailand-China Regulatory Cooperation on Tourism
ครั้งแรกจัดประชุมที่กรุงปักกิ่ง เมื่อเดือนตุลาคม 2559 ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนมิถุนายน 2560 และครั้งที่ 3 ที่เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนกันยายน 2561 ยุคนั้นมี “กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ
การประชุมดังกล่าวได้จัดตั้งคณะทำงานดูแลด้านการท่องเที่ยวของ 2 ประเทศ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยและความเป็นธรรมจากบริษัทนำเที่ยว รวมถึงหาแนวทางปราบปรามบริษัททัวร์ที่ผิดกฎหมาย ฯลฯ
รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจท่องเที่ยวจีนและตำรวจท่องเที่ยวไทย โดยตำรวจท่องเที่ยวจีนได้มาศึกษาดูงานการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวไทย และนำไปเป็นต้นแบบของการทำงานด้วย
เรียกว่า เป็นความมุ่งมั่นของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะร่วมกันกำกับดูแลการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ
“ผมเป็นคนเข้าร่วมประชุมทั้ง 3 ครั้งในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และตัวแทนสมาคมแอตต้า”
พร้อมให้ข้อมูลว่า ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนในการเดินทางมาเที่ยวไทย หากไทยและจีนสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน จับมือทำงานร่วมกันต่อไปน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
เช่นเดียวกับ “ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่บอกว่า ประเด็นที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังไม่ตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทย มาจากกระแสข่าวในสื่อโซเชียลที่ประโคมข่าวว่ามาเที่ยวเมืองไทยไม่ปลอดภัย ทั้งเรื่องการถูกลักพาตัว หลอกลวงไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกจับไปขายอวัยวะ ฯลฯ
ดังนั้น รัฐต้องเร่งสื่อสารและแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ภาคการท่องเที่ยวไทย
สอดรับกับผู้ประกอบการโรงแรมในภูเก็ตและพัทยาที่บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์วันนี้นักท่องเที่ยวจีนมีความไม่เชื่อมั่นระหว่างการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากกลุ่มทุนจีนด้วยกันเองที่สร้างปัญหา ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งเรียกคืนความเชื่อมั่นด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไทย-จีน และทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจท่องเที่ยวจีนและตำรวจท่องเที่ยวไทย
“กลุ่มคนจีนสีเทากลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง หากเราสามารถสื่อสารได้ว่าเราจัดการตรงนี้ได้ น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนกล้ามาเที่ยวประเทศไทยและรู้สึกปลอดภัยจากกลุ่มอิทธิพลที่เป็นคนจีนด้วยกัน”
พร้อมย้ำว่า ประเด็นแบบนี้หากมีตำรวจท่องเที่ยวจีนมาช่วยดูแลน่าจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
- วีซ่าฟรี (ยัง) ไม่ตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวจีนไม่ขยับ-ซัดรัฐแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
- ททท. เชื่อวีซ่าฟรี ช่วยบูสต์ชาวไต้หวันเที่ยวไทยเพิ่มหลักแสนคน
- ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวอินเดีย ตามนโยบายวีซ่าฟรี
- จ่อเพิ่ม “วีซ่าฟรี” เที่ยวไทย ดันรายได้ต่างชาติสู่เป้า 3 ล้านล้าน
- เศรษฐา-รมว.ท่องเที่ยว-ผู้ว่าการ ททท. ตอบแล้ว! ไม่มี “ตำรวจจีนลาดตระเวน”