จีนยกเลิกสลอตบินเข้าไทย วีซ่าฟรีปลุกไม่ขึ้น-ททท.ดิ้นปั๊มยอด

นักท่องเที่ยวจีน

ท่องเที่ยวรับ “วีซ่าฟรี” ปลุกไม่ขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าเป้า สายการบินจีนเหยียบเบรก พร้อมยกเลิกการจอง “สลอตการบิน-กราวนด์เซอร์วิส” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “การบินไทย-ไทยแอร์เอเชีย” ยันตลาดจีนฟื้นช้ากว่าที่คาดการณ์ ดีมานด์ไม่พอ คาพาซิตี้กลับมาได้แค่ 40-50% ของปี’62 โยกเครื่องไปบินเส้นทางอื่นแทน ทอท.ชี้ยังต้องใช้เวลา อัดออนท็อปส่วนลดค่าแลนดิ้ง-ปาร์กกิ้งฟรี กระตุ้นแอร์ไลน์เพิ่มไฟลต์ ฟาก ททท.ดิ้นปั๊มตัวเลขทุกตลาดในทุกรูปแบบ

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือวีซ่าฟรี เป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า หลังดำเนินการมาเกือบ 2 เดือน มาตรการดังกล่าวยังไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว สายการบิน ยังคงจับตาสถานการณ์และประเมินผลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

จีนเข้าไทย 1 หมื่นคนต่อวัน

จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วงเริ่มโครงการนั้น เป็นช่วงของเทศกาลวันหยุดยาวของชาวจีน หรือ Golden Week พอดี ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าวมีจำนวนคนจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ไต่ระดับจากอัตราเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 17,000-18,000 คนต่อวัน

“การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงโกลเด้นวีกนั้น ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดจีนพอดี และหลังช่วงโกลเด้นวีกก็พบว่าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 8,000-9,000 คนต่อวัน และเริ่มขยับขึ้นเป็น 10,000-11,000 คนต่อวันในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย”

ยกเลิกสลอต-กราวนด์เซอร์วิส

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะมีมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีน แต่ดีมานด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ประเมินว่าปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก

บวกกับนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ยังเน้นส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยจำกัดจำนวนการออกพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้กับประชาชนที่พาสปอร์ตเดิมหมดอายุ ทำให้คนจีนยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยจึงยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีเท่าที่ควร

ทั้งนี้ พบว่ามีสายการบินจีนจำนวนหนึ่งที่มีแผนจะให้บริการเส้นทางจากหลายเมืองของจีน ที่จองตารางการบิน (slot) สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจรจาจองใช้บริการภาคพื้น (ground service) ของบริษัทการบินไทย แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป เนื่องจากไม่มีดีมานด์ผู้โดยสารที่เพียงพอ

โยกบินเข้าเพิร์ท-ออสโล-ญี่ปุ่น

ในส่วนของการบินไทยนั้น นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยมีปัญหาเรื่องเครื่องบินไม่เพียงพออยู่แล้ว หากเส้นทางบินสู่จีนยังมีปัญหาดีมานด์ชะลอตัว บริษัทก็พร้อมปรับแผนนำเครื่องบินที่ใช้บินเส้นทางการบินจีนไปใช้บินในเส้นทางบินอื่นที่มีความต้องการเดินทางสูงแทน เช่น เส้นทางสู่เมืองเพิร์ท ออสเตรเลีย เส้นทางสู่เมืองออสโล นอร์เวย์ และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินไปญี่ปุ่น

ปัจจุบันการบินไทยทำการบินสู่จีนจำนวน 5 เส้นทาง ประกอบด้วย คุนหมิง กว่างโจว เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง แต่ความถี่ยังกลับมาได้ไม่เท่าก่อนโควิด ส่วนเส้นทางสู่เมืองเซี่ยเหมินกับเมืองฉงชิ่ง ยังไม่ได้กลับไปทำการบิน

“เดิมการบินไทยเตรียมคาพาซิตี้ไว้รองรับตลาดจีนที่ประมาณ 60% ของปี 2562 แต่จนถึงปัจจุบันยังให้บริการได้เพียงแค่ประมาณ 40% ของปี 2562 และยังไม่สามารถเพิ่มความถี่ และเพิ่มเส้นทางบินได้ตามแผน” นายปิยสวัสดิ์กล่าว

ทอท.แจงไฟลต์จีนฟื้นตัว 60%

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT ผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเที่ยวบินระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน-ประเทศไทยมีสัดส่วนการฟื้นตัวกลับมาได้ประมาณ 60% เมื่อเทียบกับปี 2562 (ก่อนโควิด)

“ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย โดยจากการพูดคุยกับผู้บริหารสนามบินหลายแห่งในต่างประเทศ และทุกประเทศยอมรับว่าสำหรับตลาดจีนนั้นยังต้องใช้เวลาในการ resume สู่ปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ยังให้ข้อมูลว่าเที่ยวบินจากจีนยังฟื้นตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น” ดร.กีรติกล่าว

อัดอินเซนทีฟดึงแอร์ไลน์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทอท.ได้ออกมาตรการให้ส่วนลดกับสายการบินที่เพิ่มเที่ยวบินนอกเหนือจากจำนวนเที่ยวบินตามตารางการบินที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566 และ 2.สายการบินจะได้รับส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลง (landing fee) ของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน

โดยส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยานจำนวน 175 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คนนั้น จะต้องไม่เกินร้อยละ 75 ของค่าบริการขึ้นลงของอากาศยานของเที่ยวบินตามที่กำหนดอัตราไว้ตามขนาดของเครื่องบิน

ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้สายการบินกลับมาเปิดเส้นทางบินและเพิ่มความถี่ทั้งเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำระหว่างประเทศ (charter flight) ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.

“มาตรการนี้เราเริ่มไปตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566-31 มีนาคม 2567 หรือตลอดฤดูการบินนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วนของรัฐบาล ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว 4 ประเทศ คือ จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน”

อย่างไรก็ตาม ทอท.ได้ทำโครงการจูงใจให้สายการบินกลับมาเพิ่มเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ให้ส่วนลดกับสายการบินที่ทำการบินในเส้นทางการบินใหม่ เมื่อเทียบกับเส้นทางที่ทำการบินระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560-31 ตุลาคม 2562 และสายการบินจะต้องเริ่มทำการบินหลังวันเริ่มตารางการบินฤดูหนาว 2023 และต้องเป็นเที่ยวบินแบบประจำระหว่างประเทศและภายในประเทศ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ โครงการนี้ก็ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 เช่นกัน และไปสิ้นสุด 31 ตุลาคม 2568 โดยให้ส่วนลด 95% ในปีแรก และส่วนลด 75% สำหรับปีถัดไป

“มาตรการกระตุ้นนี้เราคิดว่าน่าจะทำให้สายการบินพยายามหาผู้โดยสารเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งก็พบว่ามีสายการบินจำนวนหนึ่งให้ความสนใจ ทั้งต้องการเพิ่มเที่ยวบินและเพิ่มความถี่แล้ว และคาดว่าตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่มีมาตรการกระตุ้นนี้ จะทำให้ ทอท.มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากรายได้เดิม” ดร.กีรติกล่าว

แอร์เอเชียคาด Q4 ฟื้นได้ 55%

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาการเติบโตของตลาดจีนยังช้ากว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจของจีน และความเชื่อมั่นที่ส่งผลต่อปริมาณความต้องการเดินทาง

โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ไทยแอร์เอเชียบินเส้นทางจีนอยู่ที่ประมาณ 71 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เเละมีเเผนเพิ่มเป็น 77 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาส 4 ทั้งนี้คิดเป็น 55% จากช่วงก่อนโควิด ซึ่งเคยบินสูงสุดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

“หลังรัฐบาลไทยมีมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ตั้งเเต่ปลายกันยายนที่ผ่านมา พบว่าช่วยกระตุ้นและสนับสนุนการท่องเที่ยวได้ดีต่อเนื่อง ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มท่องเที่ยวด้วยตนเอง หรือ FIT มากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะจองตั๋วช่วงใกล้วันเดินทาง ล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ ต่างจากเดิมที่วางเเผนการเดินทางล่วงหน้าระยะเวลานาน ทำให้สายการบินต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการเดินทางมากขึ้น” นายสันติสุขกล่าว

พร้อมเพิ่มไฟลต์หากมีดีมานด์

สายการบินไทยแอร์เอเชียยังคงทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับรัฐบาล เเละการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย (ททท.) ในการดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไทย รวมทั้งเห็นด้วยหากรัฐบาลจะขยายระยะเวลามาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเเละกลุ่มประเทศต่าง ๆ ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งจะกระตุ้นการเดินทางได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หากมีปริมาณการเดินทางจากประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้น สายการบินไทยแอร์เอเชียก็มีความพร้อมเต็มที่ในการเพิ่มเที่ยวบินเเละความถี่บิน จากฝูงบินที่มีอยู่ทั้งหมด 54 ลำ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียให้บริการเที่ยวบินระหว่างเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ 8 จุดบินในประเทศจีน ได้แก่ คุนหมิง หนานจิง เสิ่นเจิ้น อู่ฮั่น กว่างโจว ฉงชิ่ง ฉางชา และหางโจว โดยมีแผนเพิ่มเที่ยวบินไปยังจีนให้ได้เท่าก่อนโควิดในช่วงต้นปี 2567 รวมทั้งเร่งสื่อสารสร้างความเชื่อมั่นและทำการตลาดทุกรูปแบบในทุกตลาด

รับ “กรุ๊ปทัวร์” ยังไม่ออกเดินทาง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กล่าวยอมรับว่า ปัจจุบันกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนอยู่ในระดับประมาณ 10,000 คนต่อวัน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15,000 คนต่อวันได้ในช่วงปลายปีนี้ และก็มีความเป็นได้ว่า ททท.อาจนำเสนอให้รัฐบาลต่อมาตรการวีซ่าฟรีออกไปจนถึงสิ้นปี 2567

แหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายหนึ่งกล่าวว่า ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมากนั้น เป็นผลจากนักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ที่ยังไม่ออกเดินทาง แม้จะมีมาตรการวีซ่าฟรีก็ตาม ซึ่งยอมรับว่ากระตุ้นตลาดยากมาก เนื่องจากรัฐบาลจีนยังมีนโยบายส่งเสริมให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ

“ในอดีตนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเฉลี่ยประมาณ 30,000 คนต่อวัน แต่ตอนนี้มีแค่นักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง ส่วนที่เราเห็นว่ามาเป็นกรุ๊ปใหญ่นั้นจะเป็นกลุ่มอินเซนทีฟ หรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลของพวกบริษัทขายตรง ยังไม่มีกรุ๊ปทัวร์ทั่วไป” แหล่งข่าวกล่าวและว่า หากประเมินเฉพาะกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองก็ถือว่ากลับมาได้ในระดับที่ใกล้จะเท่ากับช่วงปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนที่ชัดเจนขึ้นในปี 2567

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 พฤศจิกายน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมรวม 23,854,242 คน โดยนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย ด้วยจำนวนรวม 2,975,155 ล้านคน

ตั้งเป้า นทท.จีน 4-4.4 ล้านคน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐบาลโดยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน คาดการณ์ไว้ว่า มาตรการวีซ่าฟรีจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยปีนี้รวม 4-4.4 ล้านคน และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท

โดยคาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2.8 ล้านคน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัว 62% เมื่อเทียบกับปี 2562