เพิ่มสิทธิเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีก 1 ล้านสิทธิ ชง ศบศ. 6 พ.ค.นี้

นักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปเซลฟี่ ด้านหลังเป็นวิวเขาตาปู
Photo by Mladen ANTONOV / AFP

ศบศ.เตรียมพิจารณาขยายสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีกล้านสิทธิ ผุดไอเดีย “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” ดึงเอกชนร่วมลดราคาห้องพักสูงสุด 50% เริ่มโครงการเร็วสุดมิถุนายนนี้

วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมเสนอการเพิ่มสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ผ่านสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และเมื่อได้รับความเห็นชอบ จะเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ต่อไป

โดยการเพิ่มสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะนำวงเงินเดิมที่เหลืออยู่มาเพิ่มสิทธิจำนวนห้องพัก และจำนวนห้องพักจะมีมากน้อยเท่าไหร่นั้น ต้องรอการประเมินวงเงินที่เหลืออยู่ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนพฤษภาคมนี้

“เราไม่ได้ของบประมาณเพิ่ม และไม่ได้ Set Zero ใหม่ ดังนั้นจึงเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนต่อขยาย ไม่ใช่เฟส 5” นางสาวฐาปนีย์กล่าว

ทั้งนี้ อาจเริ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนต่อขยายได้เร็วที่สุดในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทยนั้น ททท.อาจใช้โมเดลนำงบประมาณที่มีอยู่มาขยายโครงการ รวมถึง Set Zero ใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้สิทธิซ้ำกับผู้ประกอบการรายเดิมได้

นอกจากนี้ ททท.ยังเสนอแนวคิดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน พลัส โดยเชิญชวนผู้ประกอบการโรงแรมนำห้องพักส่วนหนึ่งมาลดราคาสูงสุดราว 50% เพื่อเพิ่มสิทธิโดยรวมให้มีมากขึ้น ซึ่งจำนวนห้องที่แต่ละโรงแรมนำมาลดราคาจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่สถานการณ์การท่องเที่ยวในแต่ละภาค และความสมัครใจของผู้ประกอบการแต่ละราย

ก่อนหน้านี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า แนวทางกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศ  กระทรวงได้หารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อขอต่ออายุโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 โดยอาจใช้งบประมาณที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงโลว์ซีซั่นที่กำลังจะมาถึง

“กระทรวงจะพยายามผลักดันโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 ให้มีสิทธิห้องพักขั้นต่ำราว 1 ล้านห้อง และอาจมีจำนวนสิทธิมากขึ้น หากทางรัฐบาลมีการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม โดยจะเริ่มต้นโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ไปจนถึง 30 กันยายน 2565”