‘ไอเอชจี’ ชี้ท่องเที่ยวฟื้นตัว รุกเพิ่มพอร์ตโรงแรมสองเท่า

สระว่ายน้ำ ของโรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ

ไอเอชจี เห็นสัญญาณท่องเที่ยวฟื้นตัว เปิดแผนรุกเพิ่มพอร์ตโรงแรมสองเท่า เงินเฟ้อ-ขาดแคลนแรงงานปัจจัยเสี่ยงธุรกิจ เตรียมเปิดโรงแรมแบรนด์วีนแยทท์ คอลเล็กชั่น อีกสองแห่งภายในปี 2570

วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 นายราจิต สุขุมารัน กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ไอเอชจี เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวยังมีพฤติกรรมการเดินทางคล้ายก่อนการระบาดโควิด-19 แต่ให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยมากขึ้น

โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเพื่อการพักผ่อน (Leisure Traveler) เป็นกลุ่มหลักที่ออกเดินทาง ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณบวกในกลุ่มนักท่องเที่ยวธุรกิจ ทำให้มั่นใจได้ว่าในอนาคตข้างหน้ามีการเติบโตรออยู่

นายราจิตกล่าวว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กลุ่มไอเอชจี รายได้เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และอยู่ในระดับ 82% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 และอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกันนี้ไอเอชจียังได้ลงทุนพัฒนาระบบโปรแกรมความภักดี ส่งผลให้ลูกค้าได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้น

สำหรับประเทศไทย มองว่าตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศยังถือเป็นตลาดที่สำคัญ และประเมินว่ายังมีความต้องการเดินทางที่คั่งค้างในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

อีกทั้งยังเห็นแนวโน้มของอุปสงค์คั่งค้าง (Pent-Up Demand) ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เมื่อทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง จำนวนการออกเดินทางได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้งานของเว็บไซต์ในเครือ พบว่าผู้ใช้งานค้นหาโรงแรมที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา สูงติดอันดับโลก

“เราหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยมากกว่าเดิม” นายราจิตกล่าว

สำหรับสถานการณ์เงินเฟ้อ นายราจิตกล่าวว่า อุตสาหกรรมโรงแรมได้รับผลกระทบทั่วโลก และยากที่จะเลี่ยงปัญหาดังกล่าว แต่จากสถานการณ์เงินเฟ้อ ทำให้พบว่านักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งใช้เวลาในการออกเดินทางนานขึ้น

ขณะเดียวกัน ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ส่วนประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน แต่สถานการณ์ยังไม่รุนแรงนัก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ

โดยกลุ่มไอเอชจีสามารถบรรเทาปัญหาดังกล่าวด้วยการเปิดรับพนักงานที่อยู่นอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยพนักงานจะผ่านการฝึกฝนภายใต้โปรแกรมที่จัดเตรียมไว้ และยังเปิดรับพนักงานกลุ่มที่มีประสบการณ์อยู่เช่นกัน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีสัดส่วนของพนักงานแต่ละประเภทที่แตกต่างกันออกไป

ราจิต สุขุมารัน
ราจิต สุขุมารัน กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ไอเอชจี

นายราจิตกล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ในกลยุทธ์การเติบโตของ IHG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็นได้จากความมุ่งมั่นในการลงทุน พัฒนาให้กับตลาดในประเทศไทย โดยมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนโรงแรมในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยปัจจุบันมีโรงแรม 35 แห่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกด้วย

“ก่อนที่จะเปิดตัวโครงการใด ๆ ไอเอชจีให้ความสำคัญกับดีมานด์ ลูกค้า และพันธมิตรอยู่เสมอ” นายราจิต กล่าว

สำหรับโรงแรมภายใต้แบรนด์วีนแยทท์ คอลเล็กชั่น นำเสนอประสบการณ์และเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปทั่วโลก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อการพักผ่อนและธุรกิจ สอดคล้องกับแนวคิดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เริ่มให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น จึงเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของทางโรงแรมจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้

โดยโรงแรมภายใต้แบรนด์ วีนแยทท์ คอลเล็กชั่น ในประเทศไทย มีดังต่อไปนี้

  1. โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ : ให้บริการห้องพักจำนวน 393 ห้อง ตกแต่งด้วยงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์จากศิลปินในท้องถิ่น อย่าง Kachama Perez และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย รวมไปถึงสระว่ายน้ำให้วิวมุมสูงจากชั้นรูฟท็อป นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและบาร์ 4 แห่ง ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และพื้นที่จัดประชุมกว่า 170 ตารางเมตร
  2. The Aquatique Pattaya : ให้บริการห้องพักและห้องสวีตจำนวน 234 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดพัทยา โดยจะเปิดให้บริการในปี 2567 ซึ่งจะประกอบไปด้วยร้านอาหารและบาร์ 4 แห่ง พื้นที่จัดประชุม สระว่ายน้ำ สปา และฟิตเนสของทางโรงแรม

และ 3. Bangkok Chinatown : โรงแรมสไตล์บูทีค ให้บริการห้องพักจำนวน 63 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่เวิ้งนาครเกษม ในย่านเยาวราช ซึ่งปรับปรุงจากอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เตรียมเปิดให้บริการในปี 2570