โรงเรียนนานาชาติ DBS ลงทุน 600 ล้าน ขยายอาคาร รับนักเรียน ม.ปลาย

โรงเรียนนานาชาติ DBS ลงทุน 600 ล้านบาท เดินหน้าขยายอาคารเรียน รองรับนักเรียน ม.ปลาย ชี้เทรนด์ผู้ปกครองลงทุนด้านการศึกษามากขึ้น ทำตลาดโรงเรียนนานาชาติโตปีละ 9% สูงสุดในเอเชีย

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ผศ.ดร.ต่อยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS Denla British School เปิดเผยทิศทางและนโยบายขับเคลื่อนโรงเรียนว่า DBS เป็นโรงเรียนในกลุ่มเด่นหล้า ซึ่งเกิดขึ้นจากธุรกิจครอบครัว มีโรงเรียนในเครือทั้งหมด 3 สาขา โดยสาขาที่ 1 คือ โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า สาขาเพชรเกษม เปิดการเรียนการสอนมา 40 กว่าปี ตั้งแต่ชั้นอนุบาลอายุ 2-6 ปี

ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดประมาณหลักพันคน สาขาที่ 2 คือ โรงเรียนเด่นหล้า สาขาพระราม 5 เปิดเมื่อปี 2549 ตอนแรกสอนแค่อนุบาล แต่ปัจจุบันเปิดระดับชั้นประถมศึกษาแล้ว มีนักเรียนประมาณ 1,600 คน และเตรียมขยายการสอนระดับมัธยมต้น และสาขาที่ 3 DBS Denla British School เปิดเมื่อปี 2560 ในช่วงแรกมีแค่เด็กอนุบาล และเด็กประถมศึกษา แต่ปัจจุบันสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 500 คน รวมทั้ง 3 สาขาน่าจะราว 3,000 คน

สำหรับ DBS ในปี 2565 จะขยายเปิดการเรียนการสอนรองรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 (Year 11-13) อายุระหว่าง 14-18 ปี โดยมุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อนักเรียน (Building for the Best because You are the Best) พร้อมปูพื้นฐานความพร้อมทางด้านความรู้และทักษะแห่งอนาคต ทั้งฮาร์ดสกิลและซอฟต์สกิลให้แก่นักเรียนตั้งแต่ยังเล็ก พร้อมลงทุนสร้างอาคารเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวก

การลงทุนอาคารใหม่ พื้นที่ใช้สอย 22,000 ตารางเมตร คาดใช้งบประมาณราว 600 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน “เป้าประสงค์แห่งการเรียนรู้” หรือ “Purpose of Learning” ตามหลักสูตรการศึกษาของประเทศอังกฤษโมเดลโรงเรียนเอกชน ประกอบด้วย

Self-discovery คือ การให้เด็กสามารถค้นพบตัวตนได้ตั้งแต่ยังเล็ก DBS มีสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนด้านความรู้และกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทดลอง ทดสอบ หาความชอบความถนัดของตน และ Self-learning คือ ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่เด็กพึงมีและจะติดตัวไปตลอดชีวิต ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองจะทำให้เด็กสามารถต่อยอดและพัฒนาศักยภาพตนเองได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้หลักสูตรอังกฤษเป็นหลักสูตรที่มุ่งเตรียมความพร้อมให้กับการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคต โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว DBS มีเป้าหมาย Nurturing Great Global Leaders ซึ่งจะสร้างให้ นักเรียนเติบโตไปเป็นผู้นำที่ดีของโลก เป็นการดำเนินงานภายใต้ 5 เสาหลัก ประกอบด้วย

1. An Enhanced British Curriculum หลักสูตรอังกฤษแบบโรงเรียนเอกชน ที่มีการเพิ่มชั่วโมงเรียนให้นักเรียนได้มีเวลาค้นคว้าหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพื่อเป้าประสงค์ของการ Self-discovery

2. Academic Excellence for All ความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยการผลักดันให้นักเรียนสามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหลักสูตรเป็น 3 ภาษา คือ อังกฤษ ไทย และจีน

3. Entrepreneurship and Creative Thinking การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังทักษะความเป็นผู้ประกอบการ

4. Thai Values in a Global Context การปลูกฝังพื้นฐานภาษา วัฒนธรรมไทย ทัศนคติต่อชุมชนและต่อโลก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในบริบทของสังคมไทย เด็กต้องสามารถปรับตัวให้สอดรับกับทุกบริบทของทุกที่ทั่วโลก เป็นพลเมืองโลก (Global Citizen)

5. Wellbeing and Sustainability ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืน เราให้ความสำคัญกับความอยู่ดีกินดีของนักเรียน รวมถึงบุคลากรโรงเรียน เพราะถือว่าโรงเรียนคือบ้านหลังที่ 2

โรงเรียนนานาชาติไทยโตสุดในเอเชีย

ด้าน ดร.เต็มยศ ปาลเดชพงศ์ กรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ DBS กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน เมืองไทยมีโรงเรียนนานาชาติเพียง 5-10 แห่งเท่านั้น อีกทั้งความนิยมเรียนโรงเรียนนานาชาติน้อยมาก ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้เรียนจะมาจากครอบครัวของนักธุรกิจ และนักการทูต แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยน มีการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ปกครองนิยมส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้น ทำให้โรงเรียนนานาชาติมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

อย่างในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นประมาณ 10 แห่งในกรุงเทพฯ ยังไม่รวมจังหวัดอื่น ๆ เฉลี่ยแล้วเติบโตปีละ 9% เมื่อเทียบกับย้อนหลังไปประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตแบบดับเบิลดิจิตถึง 4 ปีซ้อน เรียกได้ว่าโรงเรียนนานาชาติของไทยเติบโตสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย)

อย่างตอนนี้มีโรงเรียนนานาชาติมากกว่า 200 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม 73 แห่ง หรือคิดเป็น 36%

“สำหรับมุมมองภาพรวมของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย แนวโน้มการลงทุนด้านการศึกษาซึ่งพ่อแม่ยุคปัจจุบันจะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ เพราะมีความมั่นใจในการปูพื้นฐานให้เด็กสามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการแข่งขันทั้งทางด้านธุรกิจและการใช้ชีวิต

ผู้ปกครองยุคใหม่เปิดใจและสนับสนุนให้ลูกค้นหาความถนัดของตนเอง มีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ว่าจะส่งลูกเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ตอนเด็ก ๆ แล้วเมื่อโตขึ้นก็ค่อยส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่ปัจจุบันพวกเขามีความคิดว่าต้องลงทุน Invest Now เพื่อ Harvest in the future นั่นคือการลงทุนเรื่องการศึกษาให้ลูกในวันนี้ เพื่อให้ลูกมีความรู้และทักษะรอบด้านตั้งแต่พวกเขายังเล็ก เมื่อพวกเขาเติบโตจะเป็นบุคคลคุณภาพที่มีความเพรียบพร้อมในทุกด้านและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง

ซึ่งก็ยอมรับค่าเทอมของโรงเรียนนานาชาติจะสูงมากกว่าโรงเรียนอื่น 3-4 เท่า หรือมากกว่านั้น แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่าง ญี่ปุ่นสิงคโปร์ ถือว่าถูกกว่า ในขณะที่คุณภาพเท่าเทียมกัน ซึ่งค่าเทอมของ DBS อยู่ที่ประมาณ 4-7 แสนบาท ดังนั้น การเรียนการสอนจึงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมพาร์ตเนอร์ เพื่อชวนพาร์ทเนอร์ผู้มีประสบการณ์ในสาขาอาชีพต่าง ๆ มาสอนเด็ก ๆ”

ทั้งนี้ ดร.เต็มยศ กล่าวอีกว่า DBS วางกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบ Word-of-Mouth หรือการบอกต่อ ด้วยการที่โรงเรียนจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เนื่องด้วยปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติจำนวนมาก สิ่งสำคัญจะต้องพัฒนาทำให้โรงเรียนมีคุณภาพที่ดีที่สุด เพราะ DBS คือการลงทุนกับการศึกษาของเด็ก เป็นการลงทุนกับคน จึงต้องการทำให้นักเรียนได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโรงเรียน นอกจากการพัฒนาทางด้านหลักสูตร พัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดการและการให้บริการของโรงเรียนแล้ว

สิ่งที่ DBS ได้พัฒนาคือบุคคล นักเรียนของ DBS จะต้องไม่เก่งอย่างเดียว จะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ จะต้องเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และกลับมาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้สังคมบ้านเกิด เป็นประชากรที่ดีให้กับประเทศชาติและกับโลกด้วย

ส่วนมิสเตอร์จอนนี่ ลิดเดิ้ล (Mr.Jonny Liddell) ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติ DBS กล่าวต่อว่า สำหรับการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชนอังกฤษ ไม่ได้มุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกด้วย โดยโรงเรียนได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มาสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้

ปัจจุบันมีอาคารทั้งหมด 5 อาคาร ประกอบด้วย 1.อาคารเรียนสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล (Mini Dragons) 2.อาคารเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 4 (EY1-Year 11) 3.อาคารอเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมและกีฬาต่าง ๆ เช่น โรงละครขนาดเล็ก (Black Box) สระว่ายน้ำ และ Dance Studio 4.พื้นที่โซนสนามกีฬาภายนอก ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามรักบี้ ลู่วิ่ง สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส และกอล์ฟ และส่วนที่ 5.อพาร์ตเม้นต์สำหรับเจ้าหน้าที่และครูต่างชาติ

ขณะนี้ DBS กำลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอยู่ในส่วนการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ของ DBS ครั้งนี้ คือ เป็นการพัฒนาระยะที่ 2 ของโรงเรียน เพื่อรองรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่จะเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นในปีการศึกษาถัดไป โดยจะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (IT suite) โรงละครและหอประชุมขนาด 665 ที่นั่ง ห้องซ้อมดนตรีและเวที ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สตูดิโอศิลปะ สตูดิโอด้านประติมากรรม และสตูดิโอออกแบบ เป็นต้น คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้