อิตาลีกำลังจะมีนายกฯ หญิงคนแรก นามว่า จอร์เจีย เมโลนี มาแนวขวาเข้มข้น เป็นพันธมิตรของ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกฯ สายขวา จอมสร้างสีสัน
วันที่ 26 กันยายน 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ชาวอิตาลีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง มอบชัยชนะให้กับ จอร์เจีย เมโลนี วัย 45 ปี จากพรรคที่ต่อต้านการเพิ่มอำนาจให้กับสหภาพยุโรป มีรากเหง้ามาจากกลุ่มนีโอฟาสซิสต์ ส่งสัญญาณเป็นรัฐบาลแนวขวาจัดคณะแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- น้ำมันทำอาหารใช้แล้วอย่าทิ้ง บางจากรับซื้อ กก.20 บาท เช็ก 162 จุดรับซื้อ
“ถ้าเราได้รับเสียงเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาล เราจะเป็นรัฐบาลสำหรับทุกคน จะทำเพื่อชาวอิตาลีทั้งหมด และเราจะทำเพื่อจุดมุ่งหมายสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ” นักการเมืองหญิงกล่าว และย้ำว่า
“อิตาลีเลือกเรา เราจะไม่ทรยศ (ประเทศ) ซึ่งเราไม่เคยทำเช่นนั้น”
การเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวอิตาลีออกมาใช้สิทธิเพียง 64% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ กลุ่มพรรคฝ่ายขวา ที่ประกอบด้วยพรรคพี่น้องแห่งอิตาลี ได้ 26% พรรคลีก ได้ 9% และพรรคฟอร์ซา อิตาลี 8% ได้โอกาสร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และนางเมโลนีจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอิตาลี
เปิดประวัติว่าที่นายกฯหญิง
จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) หัวหน้าพรรคพี่น้องแห่งอิตาลี หรือ Brothers of Italy ตัวย่อ Fdl และประธานพรรคอนุรักษนิยมและกลุ่มปฏิรูปแห่งยุโรป ตั้งแต่ปี 2020
เกิดวันที่ 15 มกราคม 1977 (พ.ศ.2520) ที่กรุงโรม เป็นนักการเมือง และนักหนังสือพิมพ์มาก่อน
แสดงถึงความสนใจการเมืองตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เข้าร่วมกลุ่มเยาวชนแนวหน้า หรือ Youth Front สายการเมืองของพรรคเคลื่อนไหวทางสังคมอิตาลี Italian Social Movement (MSI) เมื่อปี 1992 จากนั้น ขึ้นเป็นผู้นำนักศึกษา Student Action
ช่วงปี 1998-2022 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดของโรม และปี 2008 ได้เป็นรัฐมนตรีกิจการเยาวชน ในรัฐบาลนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ชุดที่ 5 และเป็นนานมาถึงปี 2011
ในปี 2012 ก่อตั้งพรรค FdI และขึ้นเป็นประธานพรรคในปี 2014 ซึ่งปีเดียวกันนั้น เข้าร่วมการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป
ผงาดจากพรรคฝ่ายค้านเดี่ยว
ต่อมาในปี 2016 ลงสมัครเป็นนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภากรุงโรม แต่พ่ายแพ้ทั้งสองสนาม แต่หลังปี 2018 ที่มีการเลือกตั้งทั่วไป เมโลนีนำพรรค FdI เข้าสู่สภาในนามพรรคฝ่ายค้าน และได้รับความนิยมมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลมาริโอ ดรากี มีพรรค FdI เหลือเป็นพรรคฝ่ายค้านอยู่พรรคเดียว
หญิงสาวเป็นที่รู้จักว่า เป็นนักการเมืองแนวขวาเข้มข้น ทั้งประชานิยม และชาตินิยม พรรค Fdl ได้ชื่อว่า เป็นพรรคฝ่ายขวาตกขอบ ซึ่งแม้เมโลนีปฏิเสธ แต่นักการเมืองหญิงแสดงออกชัดเจนว่าต่อต้านการทำแท้ง ไปจนถึงต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน หรือการที่คนเพศเดียวกันจะร่วมกันเป็นผู้ปกครองเด็ก
นอกจากนี้ ยังต่อต้านการรับผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวยุโรปเข้าประเทศ สนับสนุนองค์การป้องกันสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต แต่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มอำนาจของสหภาพยุโรป
การเลือกตั้งครั้งก่อนปี 2018 พรรคของเมโลนีได้คะแนนเพียงแค่ 4.4% แต่ล่าสุดนี้กลับผงาดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ครองสัดส่วน 26%
คะแนนความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเมโลนี มาในจังหวะที่อิตาลี ชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสหภาพยุโรป เผชิญวิกฤตค่าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการแก้ปัญหาของชาติตะวันตกในการยืนหยัดเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย
มองศึกรัสเซีย-ยูเครนต่างมุม
ก่อนเกิดสงครามรัสเซียบุกยูเครน นักการเมืองหญิงมีสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับรัสเซีย และเมื่อเกิดสงครามขึ้นแล้ว เมโลนีประณามการส่งอาวุธของชาติตะวันตกให้ยูเครน
ส่วนนายแบร์ลุสโคนี อดีตนายกฯ ผู้นำพรรคฟอร์ซา อิตาลี เพิ่งกล่าวถึงสงครามครั้งนี้ ด้วยความเข้าอกเข้าใจ นายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่สนิทสนมกันในสมัยที่แบร์ลุสโคนีเป็นผู้นำอิตาลี ว่าปูตินถูกชาติตะวันตกบีบให้ต้องทำสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไม่นานมานี้ เมโลนีถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในยุโรป เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ต่อ “ข้าราชการในบรัสเซลส์” ทั้งนักการเมืองหญิงและผู้นำฝ่ายขวาคนอื่น ๆ ปกป้องนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ที่เป็นฝ่ายขวาด้วยกัน
คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำให้ระงับเงินหลายพันล้านยูโร ในการระดมทุนให้กับฮังการี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการถอยหลังเข้าคลองในระบอบประชาธิปไตย และการจัดการเงินของสหภาพยุโรปที่ผิดพลาด
การรณรงค์หาเสียงขอเมโลนี วิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปว่าเป็นระบบราชการมากเกินไป และให้คำมั่นว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติอิตาลี หากขัดแย้งกับนโยบายของสหภาพยุโรป
ซานติอาโก อาบาสกาล ผู้นำพรรควอกซ์ พรรคฝ่ายขวาจัดของสเปน โพสต์ข้อความว่า “ชาวยุโรปหลายล้านคนกำลังตั้งความหวังในอิตาลี” โดยเขากล่าวเสริมว่า “เมโลนีได้แสดงให้เห็นหนทางสำหรับประเทศอธิปไตยในยุโรป ที่ภาคภูมิใจและเป็นอิสระ ซึ่งร่วมมือกันในนามของความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของทุกคน”
อิตาลีมีรัฐบาลผสม 3 รัฐบาลนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยแต่ละรัฐบาลไร้เสถียรภาพ อีกทั้งกฎหมายเลือกตั้งที่ซับซ้อนของอิตาลีมีทั้งระบบสัดส่วนผสม และใครได้คะแนนถึงเกณฑ์ก่อนเป็นผู้ชนะ
ขณะที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยเข้าสู่การลงคะแนนด้วยความเสียเปรียบอย่างมาก เพราะไม่อาจสร้างแนวร่วมกับพรรคฝ่ายซ้าย พรรคที่ใหญ่ที่สุดในสภา นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต คะแนนเป็นอันดับสามด้วยคะแนนเสียงประมาณ 16%
การเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. เป็นการเลือกตั้งก่อนรัฐบาลของนายดรากีครบวาระเวลา 6 เดือน นายดรากีต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมเพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล
….
หลุดจากเก้าอี้อีกราย มาริโอ ดรากี ลาออกจากนายกรัฐมนตรีอิตาลี
