อังกฤษยังเผชิญภาวะข้าวยากหมากแพงรุนแรง ค่าอาหารเดือนธันวาคมสูงสุดในรอบ 17 ปี

เงินเฟ้ออังกฤษ
REUTERS/Paul Childs/File Photo

บางประเทศอาจจะสามารถจัดการให้ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงได้บ้างแล้วในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา แต่สหราชอาณาจักรยังคงประสบภาวะข้าวยากหมากแพง-ค่าครองชีพสูงหนักจนถึงสิ้นปี เป็นอีกหนึ่งปีที่ยากลำบากมากทั้งสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ 

The Guardian รายงานตัวเลขจากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดของสมาคมค้าปลีกอังกฤษ (British Retail Consortium : BRC) ร่วมกับนีลเส็น (Nielsen) เมื่อวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหาร (food inflation) ของสหราชอาณาจักรยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2565 โดยเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 13.3% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าในเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ 12.4% 

ตัวเลขนี้นับเป็นอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สมาคมค้าปลีกอังกฤษเริ่มเก็บสถิติเมื่อ พ.ศ. 2548 หรือในรอบ 17 ปี 

ถ้าดูเฉพาะในกลุ่มสินค้าผักผลไม้สด ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครัวเรือนมักจะกักตุนอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเทศกาลคริสต์มาส ดัชนีราคาในเดือนธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้นสูงจนทำสถิติใหม่ที่ 15% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) และเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากอัตราของเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ 14.3% 

ส่วนในภาพรวม ดัชนีราคาร้านค้า (Shop Price Index) โดยรวมในเดือนธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นอัตราการเพิ่มที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับของเดือนพฤศจิกายนซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 7.4% เนื่องจากในเดือนธันวาคม ผู้ค้าปลีกสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารมีการให้ส่วนลดสูง เพื่อระบายสต๊อกสินค้าออก 

สมาคมค้าปลีกอังกฤษ (BRC) บอกว่า ราคาอาหารสัตว์ ปุ๋ย และพลังงานที่สูงขึ้นเนื่องจากสถานการณ์รัสสเซีย-ยูเครนได้ส่งผ่านไปสู่ราคาอาหาร ทำให้อาหารที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรสูงขึ้นตาม 

และ BRC ยังเตือนอีกว่า ผู้บริโภคอาจเผชิญกับราคาที่เพิ่มขึ้นอีกในปี 2566

“มันเป็นคริสต์มาสที่ท้าทายสำหรับหลาย ๆ ครอบครัวทั่วสหราชอาณาจักร … ปี 2566 จะเป็นอีกปีที่ยากลำบากสำหรับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีสัญญาณว่าจะลดลงอย่างรวดเร็ว” เฮเลน ดิกคินสัน (Helen Dickinson) ผู้บริหารระดับสูงของ BRC กล่าว

The Guardian วิเคราะห์ว่า ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการสูญเสียความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยมีแรงหนุนจากค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ผลิตประสบปัญหากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงในเดือนธันวาคม ทั้งการผลิต คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานลดลงทั้งหมด

ค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้นส่งผ่านไปยังราคาสินค้าปลายทางที่ผู้บริโภคต้องจ่าย ครัวเรือนในสหราชอาณาจักรจึงลดการใช้จ่ายลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขจาก Barclaycard แสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกโดยรวมลดลงในปี 2565 ในขณะที่จำนวนคนที่ออกไปจับจ่ายตามย่านถนนช็อปปิ้งลดลงมากในช่วงสัปดาห์คริสต์มาส ซึ่งโดยปกติแล้วเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคมักจะไปซื้อของลดราคาในวันแกะกล่องของขวัญ (boxing day)

ดิกคินสัน ผู้บริหารระดับสูงของสมาคมค้าปลีกอังกฤษกล่าวว่าธุรกิจต่าง ๆ ที่กำลังดิ้นรนกับต้นทุนด้านพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา เจเรมี ฮันต์ (Jeremy Hunt) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษยืนยันว่ารัฐบาลกำลังเตรียมขยายเวลามาตรการสนับสนุนทางการเงินสำหรับธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูง ซึ่งจะประกาศในช่วงต้นปีใหม่ 


“หากไม่มีโครงการนี้ ผู้ค้าปลีกจะเห็นบิลค่าพลังงานเพิ่มขึ้นรวมกันเป็น 7,500 ล้านปอนด์ … รัฐบาลต้องรีบชี้แจงอย่างเร่งด่วนว่าการสนับสนุนในอนาคตจะเป็นอย่างไร มิฉะนั้น ผู้บริโภคอาจจะต้องรับภาระจ่ายค่าต้นทุนเหล่านั้น” ผู้บริหารสมาคมค้าปลีกอังกฤษส่งเสียงกระทุ้งรัฐบาล