เพราะ Brexit จึงเจ็บปวด อังกฤษเสียดุลการค้าอียู 1.3 ล้านล้านบาท ใน 3 เดือน

อังกฤษเสียดุลการค้าอียู
Ben Stansall / AFP

อุปสรรคหลัง Brexit ซื้อง่ายแต่ขายยาก ทำอังกฤษเสียดุลการค้าให้สหภาพยุโรป (อียู) สูงถึง 32,900 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2565 เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในปี 2540 

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร เปิดเผยข้อมูลว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 สหราชอาณาจักรนำเข้าสินค้า (ไม่รวมโลหะมีค่า) จากสหภาพยุโรป (อียู) เป็นมูลค่า 82,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,700 ล้านปอนด์จากไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยหนุนสำคัญคือการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ระบบการขนส่ง และการนำเข้าเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น 

ขณะที่การส่งออกของสหราชอาณาจักรไปยังอียูมีมูลค่า 49,200 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ลดลง 3,200 ล้านปอนด์ ปัจจัยสำคัญคือ มูลค่าการส่งออกเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์ลดลง ขณะที่การส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์ระบบการขนส่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

หักลบแล้วอังกฤษเสียดุลการค้าให้สหภาพยุโรป (อียู) สูง 32,900 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2565 ซึ่งเป็นสถิติการเสียดุลการค้ารายไตรมาสให้สหภาพยุโรปสูงสุดของอังกฤษ นับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติอย่างเป็นทางการในปี 2540 

ในเดือนธันวาคมเดือนเดียว อังกฤษนำเข้าสินค้าจากอียูเป็นมูลค่าสูงจนทำสถิติใหม่ถึง 28,500 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเพิ่ม 2.9% จากเดือนก่อนหน้า (พฤศจิกายน 2565) โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ การซื้อเครื่องจักรและระบบการขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการซื้อเรือและเชื้อเพลิงจากเยอรมนี

ขณะที่การส่งออกของอังกฤษไปยังอียูในเดือนธันวาคมมีมูลค่าอยู่ที่ 16,600 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 500 ล้านปอนด์ หรือ 3.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนจากการส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์ระบบการขนส่งที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 300 ล้านปอนด์ 

ในเดือนธันวาคมเดือนเดียวอังกฤษเสียดุลการค้าให้อียู 11,900 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 483,703 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้ดุลการบริการรวม 37,200 ล้านปอนด์ในไตรมาสสุดท้ายปี 2565 และ 12,100 ล้านปอนด์ในเดือนธันวาคมเดือนเดียว แต่สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษไม่ได้จำแนกว่าเป็นมูลค่ากับอียูและกับประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากอียูในสัดส่วนเท่าใด 

เมื่อดูเปรียบเทียบในภาพกว้างขึ้น มูลค่าการนำเข้าจากอียูในไตรมาส 4 ปี 2565 มากกว่าที่มากกว่าที่อังกฤษนำเข้าจากที่อื่น ๆ ถึง 2,400 ล้านปอนด์ ​แม้ว่ามีจะมีอุปสรรคทางศุลกากรหลังจากที่ข้อบังคับทางศุลกากรที่เป็นผลจาก Brexit เริ่มบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 

จากข้อมูลนี้เหล่านี้ น่าจะวิเคราะห์ได้ว่า อุปสรรคทางศุลกากรที่เกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น เป็นอุปสรรคขาเข้าอียูเป็นหลัก 

Bloomberg รายงานว่า กาเบรียลลา ดิกเคนส์ (Gabriella Dickens) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัทวิจัย Pantheon Macroeconomics วิเคราะห์ว่า Brexit ยังคงเป็นเหตุผลสำคัญของภาพสถานการณ์การค้าที่ปรากฏ เนื่องจากอังกฤษยังไม่สามารถส่งออกกลับไปยังอียูได้โดยสะดวกเหมือนเมื่อก่อน การส่งออกของอังกฤษไปยังอียูต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2018 (ก่อน Brexit และก่อนโควิด) ถึง 9.4%

ด้านแคทเธอรีน แมนน์ (Catherine Mann) หนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Brexit กำลังทำให้วิกฤตค่าครองชีพในสหราชอาณาจักรรุนแรงขึ้น และทำให้ความพยายามในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อของประเทศนี้มีความเฉพาะตัว กล่าวคือ แก้ปัญหายากมากกว่าในประเทศอื่น 

“ไม่มีประเทศไหนเลือกที่จะใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเพียงฝ่ายเดียวกับคู่ค้าที่ใกล้ชิดที่สุด” เธอกล่าวเชิงตำหนิสหภาพยุโรปที่ตั้งกำแพงทางการค้ากับอังกฤษ

ส่วนภาพรวมดุลการค้าของอังกฤษกับทั่วโลก รวมทั้งปี 2565 อังกฤษนำเข้าทั้งสินค้าและบริการเป็นมูลค่า 889,200 ล้านปอนด์ และส่งออกเป็นมูลค่า 781,200 ล้านปอนด์ ขาดดุลการค้า 108,000 ล้านปอนด์ โดยขาดดุลเพิ่มขึ้น 85,300 ล้านปอนด์เมื่อเทียบกับปี 2564 และเพิ่มขึ้น 109,000 ล้านปอนด์เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งเป็นปีก่อน Brexit และก่อนเกิดโควิด-19

สถานการณ์การค้าของสหราชอาณาจักรสวนทางกับสถานการณ์ของประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วทั้งหมด ซึ่งการส่งออกในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2018 อยู่ 3.8%

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักรตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนวิธีรวบรวมข้อมูลการค้านับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นมา อาจส่งผลกระทบต่อข้อมูลตัวเลขการค้าเหล่านี้