เมื่อธนาคารล้ม เฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว หรือจะขึ้นต่อไป ?

เฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือขึ้นต่อไป
REUTERS/ Kevin Lamarque

คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดวิกฤต Bank run ตลาดมองว่าวิกฤตนี้จะทำให้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% และบางส่วนมองว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว ต่างจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่มีสัญญาณว่าอาจจะขึ้นถึง 0.50% 

คำกล่าวของ เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Federal Reserve System) ที่กล่าวรายงานนโยบายการเงินต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 6-7 มีนาคม 2566 ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นและมากขึ้น ทำให้ตลาดและนักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งคาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 21-22 มีนาคมนี้ เฟดจะเพิ่มระดับความเร็วของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.50% ขณะที่อีกส่วนหนึ่งคาดว่าจะขึ้น 0.25% เท่าครั้งก่อนหน้านี้ 

ผ่านมาไม่กี่วัน เมื่อเกิดวิกฤต Bank run ขึ้นกับธนาคาร Silicon Valley Bank และ Signature Bank ขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ วันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ที่ปั่นป่วนภาคตลาดเงินและตลาดทุน ทำให้มุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแกว่ง ปรับทิศมุมมองของสถาบันต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้มุมมองการคาดการณ์โดยมากในตลาดมองว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% และมีมุมมองอีกส่วนหนึ่งที่มองว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้ แล้วค่อยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมครั้งถัดไป

CNBC รายงานว่า Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของโลกเป็นแนวหน้าของฝั่งที่คาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ว่าทางการสหรัฐได้เคลื่อนไหวเข้าควบคุมและจำกัดวงผลกระทบจากวิกฤตของ SVB และ Signature Bank แล้ว และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมากล่าวเรียกความเชื่อมั่นว่า “ชาวอเมริกันสามารถมั่นใจได้ว่าระบบธนาคารปลอดภัย” แล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs กล่าวว่า เฟดจะเว้นการขึ้นดอกเบี้ยแค่ในการประชุมเดือนมีนาคมครั้งเดียว แล้วยังคงจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม 

“เราคิดว่าเจ้าหน้าที่ของเฟดน่าจะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินเป็นอันดับแรก โดยมองว่ามันเป็นปัญหาระยะเร่งด่วน และอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นปัญหาระยะกลาง” Goldman Sachs บอกกับลูกค้า 

ด้านควินซีน ครอสบี (Quincy Krosby) หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ LPL Financial ตั้งคำถามชวนวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงพอหรือยังที่จะทำให้เฟดกลับทิศ? 

“ตลาดโดยรวมไม่คิดอย่างนั้น” เธอบอกว่ามีแนวโน้มน้อยที่เฟดจะหารือแนวทางที่จะระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 

Bank of America และ Citigroup ก็เป็นสองธนาคารใหญ่ที่อยู่ในฝั่งที่มองว่าเฟดจะยังขึ้นดอกเบี้ย 0.25% แล้วจะตามมาด้วยการขึ้นอีกสองสามครั้ง 

แอนดรูว โฮลเลนโฮสต์ (Andrew Hollenhorst) นักเศรษฐศาสตร์ของ Citigroup กล่าวว่า ถ้ามีการหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว (ซึ่งเป็นคำที่เจ้าหน้าที่เฟดไม่ชอบ) ในตอนนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณผิด ๆ ไปยังตลาด 

เขากล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่เฟดไม่น่าจะเปลี่ยนทิศทางนโยบายด้วยการหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งการทำเช่นนั้นจะเป็นการทำให้ตลาดและสาธารณชนคิดว่า การแก้ปัญหาเงินเฟ้อของเฟดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อยังไม่ถึงจุดที่เกิดความไม่แน่นอนในตลาดเงินหรือภาคเศรษฐกิจเท่านั้น กล่าวคือจะเป็นการทำให้คนคิดว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดความไม่แน่นอนขึ้น เฟดก็จะเลิกแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้สาธารณชนไม่เชื่อในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐในครั้งต่อ ๆ ไป 

ทั้งนี้ Citigroup มองว่าเฟดจะยังคงเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไปจนถึงช่วงเป้าหมายที่ 5.5-5.75% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 4.5%-4.75% 

Bank of America มองว่ายังต้องเฝ้าระวังสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งชี้ว่าวิกฤตธนาคารที่เกิดขึ้นในตอนนี้กำลังจะแพร่กระจายหรือไม่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่อาจเปลี่ยนแปลงคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด 

ไมเคิล เกเพน (Michael Gapen) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของ Bank of America บอกกับลูกค้าว่า ถ้าเฟดประสบความสำเร็จในการแก้ไขความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นล่าสุด และล้อมรั้วกิจกรรมทางการเงินของธนาคารได้ เฟดก็จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อไป จนกว่านโยบายการเงินจะมีเข้มงวดเพียงพอ 

“มุมมองของเราต่อนโยบายการเงินนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลเสมอ และในตอนนี้ยังขึ้นอยู่กับความตึงเครียดในตลาดเงินด้วย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของ Bank of America กล่าว 

เช่นกันกับที่ธนาคารกลางสหรัฐเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลในการกำหนดทิศนโยบาย 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐจะได้รับข้อมูลขั้นสุดท้ายที่จะใช้ประกอบการพิจารณาในสัปดาห์นี้ ทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 14 มีนาคม และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 15 มีนาคมนี้