จับตาผลกระทบ ตราสารหนี้ AT1 เครดิตสวิส ถูกตัดมูลค่าเป็นศูนย์

ตราสารหนี้ AT1 เครดิตสวิส
REUTERS/ Denis Balibouse

ตราสารหนี้ AT1 ทั้งหมดของเครดิตสวิสมูลค่าประมาณ 17,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกตัดมูลค่าเป็นศูนย์ นักลงทุนไม่พอใจและตอบโต้อย่างรุนแรง บางส่วนกำลังจะโต้แย้ง และเรื่องอาจไปถึงการฟ้องร้อง

สืบเนื่องจากที่ UBS Group AG ธนาคารใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse Group AG) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ตามเวลาสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   

Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA) หน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงินประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ว่า ตามเงื่อนไขการซื้อกิจการที่ได้รับการสนับสนุนพิเศษจากรัฐ จะเกิดการตัดมูลค่าตราสารหนี้ Additional Tier 1 (AT1) ทั้งหมดของเครดิตสวิสซึ่งมีมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านฟรังก์สวิส ให้เป็นศูนย์ เพื่อเป็นการเพิ่มทุน 

เงื่อนไขการตัดมูลค่าตราสารหนี้ AT1 เป็นศูนย์ทั้งหมด (complete write-down) นี้ เพื่อให้มั่นใจว่านักลงทุนเป็นผู้แบกรับความเสียหาย ไม่ให้ต้องใช้เงินจากรัฐซึ่งเป็นเงินของประชาชนผู้เสียภาษีมาแบกรับความเสียหายจากการล่มสลายของธนาคาร 

การลบล้างมูลค่าตราสารหนี้ครั้งนี้เป็นการสูญเสียมูลค่าครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดตราสารหนี้ AT1 ยุโรป ซึ่งมีมูลค่ารวม 275,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการสูญเสียครั้งใหญ่สุดก่อนหน้านี้มีมูลค่า 1,350 ล้านยูโร (1,440 ล้านดอลลาร์) เกิดขึ้นในปี 2560 กรณีหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ของ Banco Popular ในสเปน ถูกตัดมูลค่าเป็นศูนย์ทั้งหมด หลังจาก Banco Santander SA ได้เข้าซื้อ Banco Popular เพื่อไม่ให้ล้มละลาย 

ทั้งนี้ ตราสารหนี้ Additional Tier 1 (AT1) หรือหุ้นกู้แปลงสภาพโดยมีเงื่อนไข (contingent convertible bond: CoCo bond) เกิดขึ้นมาหลังวิกฤตการณ์การเงินโลกปี 2008 ผู้ถือครอง AT1 ถือเป็นเจ้าหนี้ที่มีอันดับต่ำที่สุด จะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกเมื่อธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งธนาคารที่ออกหุ้นกู้จะเสนอผลตอบแทนที่สูงแลกกับความเสี่ยง เพื่อดึงดูดใจนักลงทุน

ในสถานการณ์การตัดบัญชีโดยทั่วไป ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลกระทบก่อนผู้ถือตราสารหนี้ AT1 แต่ภายใต้เงื่อนไขการซื้อขายกิจการของเครดิตสวิสซึ่งรัฐบาลเป็นนายหน้าและให้ความช่วยเหลือ จะมีการตัดมูลค่าตราสารหนี้ AT1 ให้ผู้ถือตราสารหนี้ AT1 รับผลกระทบก่อนผู้ถือหุ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นของเครดิตสวิสจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินค่าขายกิจการ 3,000 ล้านฟรังก์ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นกู้ AT1 จึงไม่พอใจ มีการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์และตอบโต้รุนแรง 

Bloomberg รายงานว่า แพทริก คอฟฟ์มันน์ (Patrik Kauffmann) ผู้จัดการการลงทุนของ Aquila Asset Management AG กล่าวว่า “มันไม่สมเหตุสมผลเลย” เขาบอกว่าเงินควรเป็นของผู้ถือตราสารหนี้ AT1 ก่อน  ผู้ถือหุ้นไม่ควรได้อะไรเลย เพราะมันชัดเจนมากกว่าตราสารหนี้ AT1 อยู่ในลำดับชั้นที่สูงกว่าผู้ถือหุ้น 

Single Resolution Board (SRB) หน่วยงานที่ดูแลกลไกแก้ปัญหาภาคธนาคารในยุโรป, European Banking Authority หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหภาพยุโรป และ European Central Bank ธนาคารกลางของยุโรป ก็ย้ำว่า หุ้นควรจะขาดทุนก่อนตราสารหนี้ทุกระดับชั้น 

แต่คำแถลงจากหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปก็ไร้ความหมาย ไม่สามารถยกระดับตราสารหนี้ AT1 ของเครดิตสวิสขึ้นมา   

“ชาวสวิสไม่เคารพลำดับชั้นของเจ้าหนี้ธนาคาร” ซูวี พลาเตริงก์ โคโซเนน (Suvi Platerink Kosonen) นักวิเคราะห์สินเชื่อธนาคารของ ING Groep NV จากเนเธอร์แลนด์กล่าว และเขาแสดงความเห็นอีกว่า แถลงการณ์ของ EBA และ ECB มีประโยชน์แน่นอนและจำเป็นต้องมี แต่ก็ไม่น่าที่จะขจัดความไม่แน่นอนทั้งหมดออกจากตลาดที่น่ากลัวนี้ได้ 

รายชื่อผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ปรากฏออกมาบางส่วนแล้ว 

ผู้ลงทุนสถาบันที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ Pacific Investment Management Co. (PIMCO) บริษัทจัดการการลงทุนจากสหรัฐอเมริกาที่เน้นการจัดการตราสารหนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือตราสารหนี้ AT1 รายใหญ่ที่สุดของเครดิตสวิส 

ตามรายงานของ Reuters ระบุว่า PIMCO ถือครองตราสารหนี้ของเครดิตสวิสอยู่มูลค่าประมาณ 807 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวที่รู้เรื่องนี้ PIMCO ขาดทุนจากการถือครองไปประมาณ 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ส่วน Bloomberg รายงานว่า PIMCO ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของเครดิตสวิสอยู่เป็นมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบางส่วนราคาเพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา นั่นอาจจะช่วยชดเชยความสูญเสียจาก AT1 ได้บางส่วน 

อีกรายคือ Invesco บริษัทจัดการการลงทุนจากสหรัฐอเมริกาที่ถือครองตราสารหนี้ AT1 ของเครดิตสวิสอยู่ประมาณ 370 ล้านดอลลาร์ 

ส่วน BlackRock Inc. ถือครองตราสารหนี้ AT1 ของเครดิตสวิสอยู่ประมาณ 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่มีแหล่งข่าวบอกกับ Bloomberg ว่า BlackRock ลดการถือครองลงบางส่วนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา 

Bloomberg รายงานอีกว่า ผู้ถือพันธบัตร AT1 ของเครดิตสวิสบางส่วนกำลังเตรียมจะโต้แย้งการตัดสินของ FINMA โดย Bloomberg อ้างอิงการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่บอกว่า Goldman Sachs Group Inc. กำลังเตรียมที่จะยื่นข้อเรียกร้องต่อเครดิตสวิส ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนได้รับมูลค่าตราสารหนี้คืนมาได้ โดยต้องผ่านการฟ้องร้อง