ก่อนหน้านี้เราได้ยินข่าวกันมาพักใหญ่ว่า Apple จะเพิ่มการผลิตในอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน เพราะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ทวีรุนแรงขึ้น ส่วนเหตุผลเรื่องการขยายตลาดในอินเดียมักจะไม่ถูกไฮไลต์ แม้ว่าพิจารณาดูแล้วน่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยไปกว่ากัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริง Apple กำลังตั้งเป้าหมายให้ประเทศอินเดียซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคนช่วยฟื้นการเติบโตของรายได้ทั่วโลก และเป็นที่ขยายฐานการผลิตนอกประเทศจีน กล่าวคือ มองเป็นทั้ง “ตลาด” และ “โรงงาน” ในเวลาเดียวกัน
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
Apple เพิ่งเปิด Apple Store แห่งแรกในประเทศอินเดียในวันนี้ (18 เมษายน 2566) ชื่อว่า Apple BKC ตั้งอยู่ใน Bandra Kurla Complex ย่านการเงิน ศิลปะ และความบันเทิงอันคึกคักในนครมุมไบ และจะเปิดแห่งที่สองในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2566 ที่กรุงนิวเดลี
ก่อนหน้านี้ Apple เข้าไปทำตลาดในอินเดียมาแล้วนับถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 25 ปี โดยการขายผ่านพันธมิตรมาตลอด ตามที่กฎหมายอินเดียกำหนด ก่อนที่ Apple จะเปิดร้านค้าออนไลน์เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในอินเดียเป็นอย่างดี
ในสามเดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของ Apple ในอินเดียทำสถิติสูงสุดใหม่เกือบ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เน้นย้ำความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของอินเดียในฐานะตลาด
ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าเทคโนโลยีทั่วโลกชะลอตัว Apple จึงมองว่าการเพิ่มจำนวนชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อในอินเดียเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ตอนนี้ อินเดียเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งในจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเกือบ 700 ล้านคนในอินเดีย มีเพียง 4% เท่านั้นที่ใช้ iPhone ของ Apple เนื่องจากส่วนใหญ่ยังใช้แบรนด์ในท้องถิ่นที่ราคาถูกกว่า และแบรนด์จากจีนกับเกาหลีใต้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคที่คำนึงถึงเรื่องราคา-ค่าใช้จ่าย
ตามรายงานของ Counterpoint Research ในแง่จำนวนหน่วยการขาย Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ครองตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียเมื่อปี 2565 ตามมาด้วย Samsung, Vivo, Realme และ Oppo ขณะที่ iPhone ของ Apple ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้นำ แต่ในแง่มูลค่า ไอโฟนอยู่ในอันดับ 2 รองจากแบรนด์ Samsung จากเกาหลีใต้
ถึงอย่างนั้น iPhone ก็ยังมีโอกาสอีกมากที่จะเพิ่มการขายในอินเดียตามกำลังซื้อของชาวอินเดียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อนุรัก รานา (Anurag Rana) นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence บอกคาดการณ์ว่า ยอดขายไอโฟนในอินเดียอาจเพิ่มขึ้น 17% ต่อปีในทศวรรษข้างหน้า โดย Apple จะมีรายได้จากการขายในอินเดียแตะ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากชนชั้นกลางในอินเดียจะมีฐานะร่ำรวยมากขึ้น และเลือกใช้สมาร์ทโฟนที่มีราคาสูงขึ้น รวมถึงมองว่าสิ่งจูงใจจากรัฐบาลอินเดียจะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นด้วย
การที่ Apple ผลักดันการค้าปลีกในอินเดียที่เกิดขึ้นพร้อมกับการขยายการผลิตในอินเดีย มีเหตุผลเบื้องหลังที่ไม่ใช่เพียงการกระจายความเสี่ยงออกจากจีนเท่านั้น แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเหตุผลเรื่องการขยายตลาดนั้นสำคัญมากพอ ๆ กัน หรืออาจจะมากกว่า
เหตุผลที่ผลักดันให้ Apple ต้องเพิ่มการผลิตในอินเดียก็คือ กฎหมายของอินเดียที่ปกป้องธุรกิจในประเทศ หากธุรกิจจากต่างชาติจะเข้าไปก็ต้องมีอะไรไปแลก กล่าวคือ ถ้าอยากเข้าไปขายสินค้าก็ต้องผลิต ซื้อวัสดุ-วัตถุดิบ และจ้างงานในประเทศด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ Apple เพิ่งจะมี Apple Store ในประเทศอินเดีย ทั้งที่ Apple เองก็อยากเข้าไปเปิดนานแล้ว
กฎหมายที่ว่านั้นคือ กฎหมายการทำธุรกิจค้าปลีกของบริษัทต่างชาติในประเทศอินเดีย ซึ่งในอดีตกำหนดไว้ว่า บริษัทค้าปลีกต่างชาติสามารถถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภทจำหน่ายสินค้ายี่ห้อเดียว (SingleBrand Retailers) ได้สูงสุด 51% และไม่อนุญาตให้ถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภทจำหน่ายสินค้าหลายยี่ห้อ (Multi-Brand Retailers) เลย
จนกระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2554 คณะรัฐมนตรีของอินเดียมีมติให้ผ่อนคลายสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทค้าปลีกต่างชาติในธุรกิจค้าปลีกของอินเดียโดยอนุญาตให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภทที่จำหน่ายสินค้ายี่ห้อเดียว (SingleBrand Retailers) จาก 51% เป็น 100% และสามารถถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกประเภทจำหน่ายสินค้าหลายยี่ห้อ (Multi-Brand Retailers) ได้ 51% จากที่ก่อนหน้านั้นทำไม่ได้เลย
การผ่อนคลายนี้เองที่เปิดทางให้ Apple สามารถเข้าไปเปิด Apple Store ที่บริษัทดำเนินการเองเต็มรูปแบบไม่ต้องทำผ่านพันธมิตร แต่ต้องมีเงื่อนไขข้อกำหนดที่ Apple ต้องปฏิบัติตามเช่นกันกับบริษัทต่างชาติรายอื่น ๆ
เงื่อนไขที่กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดียกำหนดไว้สำหรับบังคับใช้กับบริษัทต่างชาติที่จะทำธุรกิจค้าปลีกในอินเดีย 6 ข้อ ได้แก่
1.สงวนสิทธิไว้สำหรับรัฐบาลในการกำหนดให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติต้องรับซื้อและจัดจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรจากเกษตรกรและสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดเล็กของอินเดีย
2.กำหนดให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติกันเงินลงทุนไว้อย่างน้อย 50% สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Back-End Infrastructure) ซึ่งหมายถึงการพัฒนาด้านการออกแบบ การควบคุมคุณภาพ และการพัฒนาหีบห่อสินค้า แต่ไม่รวมถึงค่าที่ดินและค่าเช่า
3.กำหนดให้บริษัทค้าปลีกต่างชาติแต่ละบริษัทต้องนำเงินลงทุนเข้าไป (FDI) อย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.บริษัทค้าปลีกต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในอินเดียจะต้องอนุญาตให้ผลิตผลทางการเกษตรของเกษตรกรเข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกโดยไม่ต้องติดตรายี่ห้อ (unbranded)
5.บริษัทค้าปลีกต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในอินเดียจะต้องทำการจัดซื้อจัดจ้าง (procurement) จากผู้ประกอบการขนาดย่อมของอินเดีย เป็นมูลค่าอย่างน้อย 30% ของยอดขายของบริษัทในอินเดีย
6.ร้านค้าปลีกของบริษัทค้าปลีกต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะในเมืองที่มีประชากรเกิน 1 ล้านคนเท่านั้น หรือให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละรัฐว่าจะอนุญาตให้เปิดหรือไม่
อ้างอิง :
อ่านเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง