เฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว แต่ส่งสัญญาณขึ้นอีกในปีนี้ ทุบหุ้น-เงินดอลลาร์ร่วง

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
AFP/ Mandel NGAN

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5-5.25% แต่ส่งสัญญาณใหม่ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ ทุบหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ร่วงทันที  

วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าว Reuters (รอยเตอร์) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Open Market Committee : FOMC) มีมติเอกฉันท์หยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5-5.25% แต่ได้ส่งสัญญาณในการคาดการณ์ใหม่ ๆ ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางต้องตอบสนองต่อเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช้า 

คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า ในความพยายามที่จะรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจกกับการต่อสู้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังไม่สำเร็จ การคงระดับอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ในการประชุมครั้งนี้จะช่วยให้คณะกรรมการสามารถประเมินข้อมูลและผลกระทบต่อนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้ 

แถลงการณ์ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจะคำนึงถึงความตึงตัวสะสม (cumulative tightening) ของนโยบายการเงิน ความล่าช้าของนโยบายการเงินที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเงิน  

ในการประมาณการใหม่ ครึ่งหนึ่งของเจ้าหน้าที่เฟด 18 คน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากช่วง 5.00-5.25% ในปัจจุบันเป็นระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้ และอีก 3 คนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะสูงขึ้นกว่านั้นอีก รวมถึงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งสูงกว่า 6% ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟด 2 คนเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ที่ระดับปัจจุบัน และอีก 4 คนคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ตามความเหมาะสม 

Advertisment

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ในปี 2567 ควบคู่ไปกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างรวดเร็ว 

Reuters รายงานอีกว่า หุ้นสหรัฐและหุ้นทั่วโลกที่เปิดซื้อขายอยู่ในวันพุธที่ 14 มิถุนายนร่วงลงทันทีหลังตลาดทราบสัญญาณใหม่จากเฟด ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนค่าลงเช่นกัน