
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ จากระดับ AAA ลงสู่ AA+ โดยให้เหตุผลเรื่องฐานะการคลังของสหรัฐที่คาดว่าจะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า บวกกับการล่มสลายของธรรมาภิบาล มาดูกันว่าการปรับลดอันดับเครดิตนี้จะส่งผลต่อสหรัฐมากหรือน้อยแค่ไหน อย่างไร ?
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2023 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาล (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) สหรัฐอเมริกา จากระดับ AAA ลงสู่ระดับ AA+ โดยให้เหตุผลเรื่องฐานะการคลังของสหรัฐที่คาดว่าจะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ภาระหนี้ภาครัฐที่สูงและเพิ่มมากขึ้น และการพังทลายของธรรมาภิบาล
ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า หลายทศวรรษที่ผ่านมาสหรัฐอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง เผชิญภาวะหาทางออกไม่ได้เรื่องเพดานหนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมีการแก้ไขปัญหาในนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในการจัดการทางการคลัง
การโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ของสหรัฐเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี หลังจากที่โดนเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) ปรับลดความน่าเชื่อถือจาก AAA ลง AA+ เมื่อปี 2011 ทำให้ตอนนี้ ในบรรดาบริษัทจัดอันดับเครดิตระดับโลก 3 บริษัท เหลือเพียง มูดี้ส์ (Moody’s) เจ้าเดียวที่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐในระดับสูงสุด ซึ่งมีความสำคัญต่อสหรัฐมากขึ้น
ถึงอย่างนั้นก็ตาม การลดเครดิตสหรัฐของฟิทช์ เรทติ้งส์ ในเวลานี้ ถูกตั้งคำถามค่อนข้างมากว่าไม่ค่อยถูกที่ถูกเวลา
เจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ต่อว่าการปรับลดความน่าเชื่อถือครั้งนี้ว่า ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตตามอำเภอใจ และอิงจากข้อมูลที่ล้าสมัยตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 ซึ่งตัวชี้วัดต่าง ๆ ได้พัฒนาดีขึ้นแล้วนับตั้งแต่นั้นมา
แม้แต่พอล ครุกแมน (Paul Krugman) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลก็งุนงงกับการปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐของฟิทช์ ซึ่งเขามองว่าเป็นการปรับลดที่แปลกประหลาด
“ข่าวเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ ความสำเร็จอันน่าทึ่งของอเมริกาในการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงโดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งบ่งชี้ว่าเราจะไม่ต้องประสบกับภาวะผลผลิตตกต่ำเป็นเวลานาน และรายได้ก็จะตามมา” เขาเขียนใน X (ทวิตเตอร์) และเขายังบอกอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐได้รับการปรับปรุงดีขึ้นแล้วด้วย
โมฮาเหม็ด เอล-เอเรียน (Mohamed El-Erian) นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของอลิอันซ์ (Allianz) ซึ่งเคยเป็นซีอีโอของ Pimco ในสหรัฐก็งงไม่แพ้กัน เขากล่าวว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่แปลก “ผมรู้สึกงุนงงกับหลาย ๆ แง่มุมของการประกาศนี้ พอ ๆ กับจังหวะเวลาที่ประกาศ”
แล้วการปรับลดเครดิตนี้จะส่งผลกระทบต่อสหรัฐมากหรือน้อยแค่ไหน อย่างไร ?
ถ้าย้อนไปดูเมื่อตอนที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐในปี 2011 นั้น ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่ยุโรปอยู่ท่ามกลางวิกฤตหนี้สาธารณะ ถึงอย่างนั้นก็ตาม การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในระยะยาว
ในช่วงนั้น นักลงทุนหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็ลดลงเมื่อถึงสิ้นปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปก็ประสบปัญหาในการปกป้องค่าเงินยูโร
ในตอนนี้ ตลาดการเงินมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน แต่จุดสนใจหลักอยู่ที่วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่แข็งกร้าวที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เมื่อพิจารณาในแง่นี้ สิ่งที่เฟดทำมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมากกว่าการปรับลดอันดับเครดิตของฟิทช์
อเลค ฟิลลิปส์ (Alec Phillips) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การเมืองสหรัฐของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) กล่าวว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือส่วนใหญ่สะท้อนถึงธรรมาภิบาลและความท้าทายทางการคลังระยะกลาง แต่ไม่ได้สะท้อนถึงข้อมูลใหม่ทางการคลัง
เขาบอกอีกว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงเพียงเล็กน้อยต่อตลาดการเงิน เนื่องจากไม่น่าเป็นไปได้ที่นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือพันธบัตรรัฐบาลจะเทขายพันธบัตรโดยอิงจากการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิต
สำหรับเควิน มิวร์ (Kevin Muir) อดีตนักลงทุนที่ปัจจุบันเขียนบทวิเคราะห์ที่ MacroTourist ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดเงินตลาดทุนมองว่าหลักทรัพย์ของสหรัฐมีเจ้าของจำนวนมากในชุมชนการเงินโลก และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ของประเทศอื่น ๆ แต่จะไม่ได้เปลี่ยนมุมมองที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดมีต่อสหรัฐ
“แคนาดามีเครดิตดีกว่าสหรัฐอเมริกาจริงหรือ หรือว่าลักเซมเบิร์ก ?” มิวร์ตั้งคำถามชวนคิด
อ้างอิง :
อ่านเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง