กระทรวงการต่างประเทศเผยแรงงานไทยลอตแรก 15 คน กลับไทย 11 ต.ค.นี้

กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นเหนืออาคารในเมืองกาซา ระหว่างการโจมตีทางอากาศโดยอิสราเอล ภาพถ่ายเมื่อ 9 ตุลาคม 2023 ในภาพปรากฏฝูงนกบินผ่านไป
กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นเหนืออาคารในเมืองกาซา ระหว่างการโจมตีทางอากาศโดยอิสราเอล ภาพถ่ายเมื่อ 9 ตุลาคม 2023 (Photo by Mohammed ABED / AFP)

กระทรวงการต่างประเทศเผยแรงงานไทยลอตแรก 15 คน เตรียมกลับไทย 11 ตุลาคมนี้ เบื้องต้นมีคนไทยเสียชีวิตจากความขัดแย้งฮามาส-อิสราเอล 12 ราย เจ็บ 9 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ส่วนนักเรียนไทยปลอดภัยทั้ง 80 คน

วันที่ 9 ตุลาคม 2023 มติชน รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศ เผยกำหนดการพาแรงงานไทย ที่อยู่ในพื้นที่สู้รบในประเทศอิสราเอลลอตแรกจำนวน 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์สู้รบ เดินทางกลับถึงไทยในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยสายการบินพาณิชย์ เนื่องจากทางการอิสราเอลยังไม่อนุญาตให้เครื่องบินทหารเข้าในน่านฟ้า

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าภายหลังประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินว่า นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้แจ้งพัฒนาการในพื้นที่ให้ได้รับทราบว่า ขณะนี้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 700 คน บาดเจ็บ 2,000 กว่าคน มีผู้ถูกจับตัวประกัน 100 คน ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติต่าง ๆ

ในส่วนผลกระทบต่อคนไทย คนไทยมีผู้เสียชีวิต 12 ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสถานทูตอิสราเอลในไทย, ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม 1 คน รวมเป็นบาดเจ็บ 9 คน, ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการอพยพ ตามเวลาเช้าของอิสราเอลวันนี้ มีคนไทยแสดงความประสงค์จะขออพยพกลับไทย 1,437 คน และอีก 23 คน ไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ

ขณะที่เมื่อคืนวันที่ 8 ตุลาคม ได้รับรายงานว่าทางการอิสราเอลได้ช่วยคนไทยจำนวนหนึ่งจากบริเวณที่มีความเสี่ยงมาอยู่ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของการอพยพคนเราได้ใช้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสายการบินเอกชน เช่าเหมาลำ ขณะที่กองทัพอากาศ และการบินไทยได้ประชุมร่วมกัน ทุกหน่วยงานพร้อมจัดหาเครื่องบินพาณิชย์เพื่อนำคนไทยออกมา

โดยคนไทยกลุ่มแรกที่จะออกมาคือผู้ได้รับบาดเจ็บที่ออกมาจากพื้นที่เสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ กลับถึงไทย 12 ตุลาคม ประมาณ 15 คน ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ทางสถานทูตยืนยันว่าสามารถเดินทางได้ ก็จะเดินทางมาก่อน

เมื่อเดินทางมาถึง 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เตรียมพร้อมที่จะรับคนไทยกลุ่มนี้แล้ว มาถึงไทยแล้วจะมีการตรวจทุกอย่างทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ

ในส่วนของตัวประกัน กระทรวงต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ เราประสานงานกับสถานทูตไทยในแต่ละประเทศที่มีความสัมพันธ์กับประเทศที่จับตัวประกันไป เพื่อสนับสนุนให้มีการปล่อยตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เอกอัครราชทูตไทยที่มาเลเซียได้พบทูตปาเลสไตน์ที่นั่นเพื่อแจ้งความกังวลของไทย และขอให้ดำเนินการปล่อยตัวพี่น้องประชาชนที่ถูกจับตัวไป ซึ่งจากการพูดคุยกับหลายประเทศก็มีสัญญาณบวก นอกจากนี้ในส่วนของนักเรียนไทย 80 คน ท่านทูตยืนยันว่าปลอดภัยทุกคน

สำหรับช่องทางการติดต่อกับกระทรวงเพื่อสอบถามเรื่องพี่น้องในอิสราเอล ตอนนี้มีฮอตไลน์เพิ่มจาก 30 เป็น 60 คู่สาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีโอเพนแชตชื่อห้อง “ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล” ซึ่งสามารถรองรับสูงสุดได้ 5,000 คน เพื่อให้ญาติเข้ามาสอบถามในนั้นได้ และมีเพจเฟซบุ๊กเฉพาะกิจ “กรมการกงสุลห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล” เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือและติดต่อสอบถาม

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังจะส่งเจ้าหน้าที่ไปอิสราเอลในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเพิ่มเติมเพื่อดูแลพี่น้องแรงงาน และช่วยในภารกิจอพยพคนไทย การอพยพคนไทยเทลอาวีฟขณะนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะยังมีความตึงเครียดสูง การที่เราจะย้ายคนจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งต้องขออนุญาตจากทางรัฐบาล ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มไหน

สุดท้ายขอย้ำว่าท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทยอย่างสูงสุด และพยายามจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้กลับมาที่ประเทศไทย