
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ เทย์เลอร์ สวิตฟ์ (Taylor Swift) นักร้องดังระดับโลกไม่เลือกเปิดการแสดงคอนเสิร์ต “The Eras Tour” ของเธอในประเทศไทย แต่เลือกเปิดการแสดงที่สิงคโปร์เพราะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสิงคโปร์ โดยเป็นการกล่าวในบริบทของการเล็งเห็นความสำคัญที่คอนเสิร์ตนี้จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ ซึ่งนายกฯอยากพาไทยทำอย่างสิงคโปร์บ้าง
นายกฯเศรษฐากล่าวว่า ได้คุยกับผู้จัดคอนเสิร์ตนี้และทราบเหตุผลที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่มาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในไทยว่า เป็นเพราะรัฐบาลสิงคโปร์ให้งบฯสนับสนุนโชว์ละ 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามเปิดการแสดงที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลสิงคโปร์ให้เงินสนับสนุนการแสดง 5 รอบ รวมเป็นเงินราว 500 ล้านบาท
ต่อมา ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024 เดอะ สเตรตส์ ไทม์ส (The Straits Times) รายงานว่า คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (STB) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน และเยาวชน (MCCY) ของสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ต่อเรื่องนี้ว่า มีการให้เงินสนับสนุนคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ จริง แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินในการสนับสนุน
ในแถลงการณ์ร่วมของสองหน่วยงานบอกว่า มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ ในสิงคโปร์มากกว่า 300,000 ใบ โดยมีแฟน ๆ ของเธอจำนวนมากเดินทางมาจากหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยว เช่น การบริการ การค้าปลีก การเดินทาง และร้านอาหาร มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากงานนี้เหมือนกับในเมืองอื่น ๆ ที่เธอเปิดการแสดงที่ผ่านมา
“สิงคโปร์มีความพร้อมมากมายสำหรับการเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานระดับนานาชาติขนาดใหญ่ ด้วยทำเลที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพและความหลากหลายในการนำเสนอวัฒนธรรม [แก่ผู้มาเยือน]”
“Kallang Alive Sport Management (KASM-ผู้บริหาร Singapore Sports Hub) จะยังคงนำไลฟ์สไตล์และความบันเทิงที่หลากหลายมาสู่ Sports Hub”
แถลงการณ์ร่วมระบุอีกว่า ในกรณีของเทย์เลอร์ สวิฟต์ นั้น กระทรวงวัฒนธรรมฯ และ KASM เล็งเห็นว่ามีความต้องการมากอย่างมีนัยสำคัญที่จะให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ ทั้งจากชาวสิงคโปร์และแฟน ๆ ทั่วภูมิภาค ดังนั้น MCCY และ KASM จึงทำงานโดยตรงกับ AEG Presents ซึ่งเป็นผู้จัดทัวร์คอนเสิร์ตนี้ เพื่อให้คอนเสิร์ตเกิดขึ้นในสิงคโปร์
ตามการรายงานของ เดอะ สเตรตส์ ไทม์ส ทางการสิงคโปร์ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธถึงคำกล่าวที่ว่า การสนับสนุนของสิงคโปร์มาพร้อมเงื่อนไขการสนับสนุนว่าต้องไม่เปิดการแสดงในประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม การใช้งบประมาณของรัฐสนับสนุนคอนเสิร์ตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะโดยปกติ รัฐบาลโดยหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวก็ใช้งบประมาณสนับสนุนอีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการท่องเที่ยวอยู่แล้ว และคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกก็มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่น้อยไปกว่าอีเวนต์ใหญ่ ๆ ด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นกีฬา หรืองานประชุม หรือแม้แต่การใช้เงินสนับสนุนโดยมีเงื่อนไขไม่ให้ไปจัดที่อื่น ก็ยังไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
เจมส์ วอลตัน (James Walton) หัวหน้ากลุ่มธุรกิจกีฬาของดีลอยต์ เอเชีย แปซิฟิก (Deloitte Asia Pacific) กล่าวกับ เดอะ สเตรตส์ ไทม์ส ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมืองและสถานที่ต่าง ๆ จะได้รับสิทธิการจัดงานแต่เพียงผู้เดียว แม้ว่าจะไม่บ่อยนักที่จะเห็นประเทศต่าง ๆ บรรลุข้อตกลงที่ “พิเศษ” แบบนี้ เพราะตัวศิลปินมักจะต้องการเข้าถึงฐานแฟน ๆ ทั้งหมดของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องการทัวร์ตามสถานที่ต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
กรณีตัวอย่างของการที่รัฐบาลจ่ายเงินเพื่อแย่งชิงการจัดอีเวนต์ระดับโลกเพียงหนึ่งเดียวเมื่อเร็ว ๆ นี้ คือ ในปี 2023 รัฐบาลรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียประกาศว่า รัฐของตนได้รับสิทธิจัดคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศออสเตรเลีย จำนวนโชว์ 2 โชว์ โดยจัดขึ้นที่เมืองเพิร์ต ซึ่งการกระทำนี้ถูกเรียกว่าเป็น “การรัฐประหารครั้งใหญ่”
รัฐบาลรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียไม่ได้เปิดเผยว่า ใช้เงินสนับสนุนไปจำนวนเท่าใด แต่ในตอนนั้น ริตา ซัฟฟิโอตี (Rita Saffioti) รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของรัฐบอกกับ สกาย นิวส์ ออสเตรเลีย (Sky News Australia) ว่า นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการสร้างงานและสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
“การท่องเที่ยวเป็นผู้สร้างงานขนาดใหญ่… ดังนั้น ทั้งหมดนี้เป็นการที่เราทำให้แน่ใจว่าเราสร้างผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวของเรา เราได้ให้เหตุผลแก่ผู้คนในการเดินทางมาเยือนรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเพื่อสัมผัสประสบการณ์ในเวสเทิร์นออสเตรเลีย และพวกเขาอาจกลับมาอีก” รมว.ท่องเที่ยวของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าว
นอกจากการให้เงินสนับสนุนแบบมีเงื่อนไขว่าห้ามจัดในที่อื่นที่อยู่ใกล้เคียงกันแล้ว การเป็นเจ้าภาพจัดคอนเสิร์ตระดับโลกอาจเกิดขึ้นได้จากความพยายามในรูปแบบอื่นอีก อย่างเช่น การดึงตัวศิลปินมาเปิดโชว์ในเมืองหรือในประเทศของตนโดยเฉพาะเจาะจง ไม่ต้องรอให้ศิลปินมีการออกทัวร์
วอลตันตั้งข้อสังเกตว่า การดึงเทย์เลอร์ สวิฟต์ มาเปิดคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ (หรือกรณีประเทศอื่น ๆ ก็เช่นกัน) เพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เป็นความสะดวกสบายสำหรับศิลปินเอง ซึ่งสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดต้นทุนการเดินทางและโลจิสติกส์ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมสถานที่ที่ทำครั้งเดียวก็ใช้ได้กับการแสดงหลายรอบ
โจชัว โลห์ (Joshua Loh) ประธานหลักสูตรด้านการท่องเที่ยวและการจัดการรีสอร์ตของ งี อัน โพลีเทคนิค (Ngee Ann Polytechnic) ในสิงคโปร์ก็กล่าวเช่นกันว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเสนอสิ่งจูงใจทางการเงินเพื่อแลกกับการจัดงานสำคัญ ๆ ที่สามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและแบรนด์ของเมืองต่าง ๆ ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ที่มีชีวิตชีวา
“โดยทั่วไปแล้ว ผลตอบแทนที่จุดหมายปลายทางนั้น ๆ ได้รับในแง่ของรายรับด้านการท่องเที่ยวจากอีเวนต์สำคัญนั้นจะมีมูลค่ามากกว่าสิ่งจูงใจทางการเงินที่จ่ายไปอย่างมีนัยสำคัญ” โลห์กล่าว
ธุรกิจต่าง ๆ ที่เป็นผู้สนับสนุนอีเวนต์ก็ได้รับผลประโยชน์ในระดับที่พวกเขาพอใจมากเช่นกัน อย่างเช่น เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ธนาคารยูโอบี (UOB) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนคอนเสิร์ต Taylor Swift The Eras Tour in Singapore เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประกาศวันแสดงคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์ ยอดสมัครบัตรเครดิต UOB เฉลี่ยต่อวันในสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ขณะที่การสมัครบัตรเดบิตในสิงคโปร์และเวียดนามเพิ่มขึ้นเกือบ 130% เป็นผลมาจาก UOB ได้สิทธิในการทำการตลาดโดยเปิดให้ผู้ถือบัตร UOB จองบัตรคอนเสิร์ตได้ก่อนบุคคลทั่วไป 2 วัน
คอนเสิร์ต The Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เปิดการแสดงคอนเสิร์ตในทวีปเอเชียเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งหากพิจารณาจะเห็นว่าสองประเทศนี้มีปัจจัยร่วมกันอย่างหนึ่งคือ เป็นประเทศที่ “เจริญ” ทัดเทียมโลกตะวันตก ต่างกันตรงที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศขนาดใหญ่และเป็นตลาดเพลงสากลที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็ได้ความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคมาทดแทน
ด้วยปัจจัยพื้นฐานและทำเลที่ตั้งของสิงคโปร์ที่ทำให้สิงคโปร์เพียบพร้อมทุกด้าน ทั้งเป็นประเทศที่มีความเจริญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่คนมีกำลังซื้อสูงระดับท็อปของโลก เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่เดินทางสะดวกทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ฯลฯ
อีกทั้งสิงคโปร์ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานระดับภูมิภาคของค่ายเพลงระดับโลก และบริษัทด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ต่าง ๆ (รวมถึงเป็นที่ตั้งสำนักงานระดับภูมิภาคของ AEG ซึ่งเป็นผู้จัดทัวร์คอนเสิร์ตนี้ด้วย) ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดการอำนวยความสะดวกให้ศิลปิน และการจัดการองค์ประกอบด้านต่าง ๆ ของคอนเสิร์ต
หากพิจารณาย้อนไปก่อนหน้านี้ คนที่ชอบดูคอนเสิร์ตต่างก็ทราบกันอยู่แล้วว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการจัดคอนเสิร์ตในภูมิภาคอาเซียน (ที่คนไทยจำนวนมากก็ต้องบินไปดู) มานานหลายสิบปีแล้ว ในขณะที่ไทยมักจะต้องลุ้นให้ผู้จัดไปดึงศิลปินที่มาเปิดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เข้ามาแสดงที่ไทยด้วย ซึ่งก็มีทั้งดึงมาสำเร็จบ้างและไม่สำเร็จบ้างด้วยหลายเหตุผล รวมถึงเหตุผลที่ว่าศิลปินบางรายค่าตัวสูงมากจนผู้จัดไม่สามารถหาเงินสปอนเซอร์ได้เพียงพอต่อต้นทุนการจัดคอนเสิร์ตก็มีอยู่หลายกรณี
ดังนั้น ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังที่ว่ามา สามารถสรุปได้ว่า ไม่ว่าจะมีเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสิงคโปร์หรือไม่ “สิงคโปร์” ก็เป็นตัวเลือกแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับการจัดคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ และศิลปินเบอร์ใหญ่ของโลกคนอื่น ๆ อยู่แล้ว
และถ้ามีเงินสนับสนุนพร้อมเงื่อนไขให้จัดที่เดียวในภูมิภาคจริง ซึ่งได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จึงไม่ใช่เรื่องที่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะตัดสินใจยาก
- แฟน เทย์เลอร์ สวิฟต์ แห่สมัครบัตร UOB เพื่อจองตั๋วก่อนใคร ทำยอดพุ่ง 45%
- Taylor Swift : The Eras Tour บันทึกชีวิตของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ผ่านหนังคอนเสิร์ต
- คอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ เขย่าซีแอตเทิล เทียบเท่าแผ่นดินไหวขนาด 2.3
- เทย์เลอร์ สวิฟต์ สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนแรกที่คว้ารางวัลแกรมมี่ “อัลบั้มแห่งปี” 4 ครั้ง