จดหมาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยกย่อง ชาร์ลี มังเกอร์ เป็นสถาปนิก เปรียบตัวเองเป็นผู้รับเหมา

วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ชาร์ลี มังเกอร์
วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ชาร์ลี มังเกอร์

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2024 เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) เผยแพร่จดหมายที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เขียนถึงนักลงทุนของเบิร์กเชียร์ เหมือนเช่นที่ทำมาตลอด ต่างไปจากเดิมตรงที่ปีนี้เป็นปีแรกในรอบกว่า 40 กว่าปีที่บัฟเฟตต์เขียนจดหมายถึงนักลงทุนโดยไม่มี ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) อยู่เคียงข้างในตำแหน่ง รองประธานบริษัท 

ในปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ บัฟเฟตต์อุทิศหน้าแรกของจดหมายให้แก่ชาร์ลี มังเกอร์ ด้วยความยกย่องและให้เกียรติว่า แท้ที่จริงแล้ว ชาร์ลี มังเกอร์ คือบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในความสำเร็จของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ 

จดหมายส่วนที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขียนถึง ชาร์ลี มังเกอร์ มีเนื้อความดังนี้

ชาร์ลี มังเกอร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เพียง 33 วันก่อนวันเกิดปีที่ 100 ของเขา

แม้ว่าจะเกิดและเติบโตในโอมาฮา แต่เขาใช้เวลา 80% ในชีวิตของเขาอยู่ที่อื่น ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่เคยพบเขามาก่อน จนกระทั่งปี 1959 ผมพบเขาครั้งแรกขณะที่เขาอายุ 35 ปี จากนั้น ในปี 1962 เขาตัดสินใจว่าควรจะเริ่มต้นบริหารจัดการเงิน

สามปีต่อมาเขาบอกผม – ถูกต้อง ! – ว่าผมได้ตัดสินใจอย่างโง่เขลาที่เข้าซื้อกิจการเบิร์กเชียร์ แต่เขาก็ได้ให้ความมั่นใจกับผม เนื่องจากว่าผมได้ทำไปแล้ว เขาก็บอกผมว่าจะแก้ไขความผิดพลาดนี้ของผมได้อย่างไร

ในสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไป โปรดจำไว้ว่า ชาร์ลีและครอบครัวของเขาไม่ได้ใส่เงินลงทุนแม้แต่เล็กน้อยในหุ้นส่วนการลงทุนขนาดเล็กที่ผมบริหารจัดการอยู่และในเงินที่ผมใช้ซื้อเบิร์กเชียร์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราต่างก็ไม่มีใครคาดว่าชาร์ลีจะเคยเป็นเจ้าของหุ้นเบิร์กเชียร์มาก่อน 

อย่างไรก็ตาม ในปี 1965 ชาร์ลีแนะนำผมทันทีว่า “วอร์เรน จงลืมไปซะว่าเคยซื้อบริษัทอื่น ๆ อย่างเบิร์กเชียร์ แต่ตอนนี้เมื่อคุณเข้าควบคุมเบิร์กเชียร์แล้ว ก็ให้เพิ่ม [การซื้อ] ธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในราคายุติธรรม และเลิกซื้อธุรกิจที่ยุติธรรมในราคาที่ยอดเยี่ยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง จงละทิ้งทุกสิ่งที่คุณเรียนรู้มาจากฮีโร่ของคุณ เบ็น เกรแฮม (Ben Graham) ซึ่งมันใช้ได้กับการลงทุนขนาดเล็ก ๆ เท่านั้น” ผมจึงทำตามคำแนะนำของเขา

หลายปีต่อมา ชาร์ลีกลายเป็นหุ้นส่วนของผมในการบริหารเบิร์กเชียร์ และดึงผมให้กลับมามีสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อนิสัยเก่า ๆ ของผมปรากฏขึ้น จนกระทั่งเขาเสียชีวิต เขาก็ยังคงทำหน้าที่นี้ต่อไป และเรากับผู้ที่ร่วมลงทุนกับเราตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ลงเอยด้วยผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่ชาร์ลีและผมเคยฝันถึงไปมาก 

ในความเป็นจริง ชาร์ลีเป็น “สถาปนิก” ที่ออกแบบเบิร์กเชียร์ให้เป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบันนี้ และผมทำหน้าที่เป็น “ผู้รับเหมา” ที่ดำเนินก่อการสร้างไปในแต่ละวันตามวิสัยทัศน์ของเขา 

ชาร์ลีไม่เคยพยายามที่จะได้รับเครดิตสำหรับบทบาทของเขาในฐานะผู้สร้าง แต่เขาปล่อยให้ผมโค้งคำนับและรับรางวัลแทน ในทางความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผม เขาเป็นทั้งพี่ชายและพ่ออันเป็นที่รัก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาถูก แต่เขาก็ให้สายบังเหียนแก่ผม (ให้อิสระในการตัดสินใจและควบคุมบริษัทเอง – ผู้แปล) และเมื่อผมทำผิดพลาด เขาก็ไม่เคยซ้ำเติมความผิดพลาดของผมเลย 

ในโลกทางกายภาพ อาคารที่ยิ่งใหญ่นั้นเชื่อมโยงอยู่กับสถาปนิก ขณะที่ผู้เทคอนกรีตหรือติดตั้งหน้าต่างจะถูกลืมในไม่ช้า เบิร์กเชียร์ได้กลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าผมเป็นผู้ดูแลทีมงานก่อสร้างมานานก็ตาม แต่ชาร์ลีควรได้รับการยกย่องในฐานะสถาปนิกตลอดไป