ส่องผลงาน Berkshire Hathaway ของบัฟเฟตต์ Q2/2023 กำไร 1 หมื่นล้านเหรียญ โต 6.6% 

Berkshire Hathaway วอร์เรน บัฟเฟตต์
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลก ซีอีโอ Berkshire Hathaway

ส่องผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2023 บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนคนดังระดับโลก ที่ทำกำไร 10,043 ล้านเหรียญ โต 6.6% ธุรกิจไหนปัง ธุรกิจไหนแป้ก ผลงานการลงทุนเป็นอย่างไร 

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2023 บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนคนดังระดับโลก รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2023 ว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 10,043 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 348,300 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 6.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงาน 9,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งของเบิร์กเชียร์ ได้รับแรงหนุนจากรายได้และกำไรของธุรกิจรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 74% เป็น 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

บริษัทประกันภัยรถยนต์ไกโค (Geico) ในเครือเบิร์กเชียร์ซึ่งประสบปัญหาในการทำกำไรตลอดปี 2022 มีผลการดำเนินงานเป็นบวก 2 ไตรมาสติดกันในปีนี้ เนื่องจากค่าเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น ขณะที่การเคลมน้อยลง และบริษัทใช้งบโฆษณาน้อยลงด้วย แต่ขณะที่ผลการดำเนินงานเป็นบวก จำนวนกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับใช้ก็ลดลง 2.7 ล้านฉบับ ซึ่งบ่งชี้ว่าการลดงบโฆษณาทำให้ไกโคสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป 

ในส่วนธุรกิจประกันภัย เบิร์กเชียร์ยังได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการบริษัทโฮลดิ้ง อัลเลเกนี คอร์ป (Alleghany Corp.) ซึ่งมีบริษัทลูกทำธุรกิจประกันภัยด้วยอีกทางหนึ่ง

Advertisment

ด้านหน่วยธุรกิจของเบิร์กเชียร์ที่ทำผลการดำเนินงานได้แย่ที่สุดในไตรมาส 2 ของปีนี้คือ BNSF Railway ที่ทำธุรกิจรถไฟบรรทุกสินค้า มีกำไรลดลง 24% เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าลดลง บวกกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานและค่าจ้างทำให้ต้นทุนในส่วนค่าตอบแทนและสวัสดิการพนักงานสูงขึ้น

ส่วนรายได้สุทธิ (net income) ซึ่งรวมกำไรจากการลงทุนอยู่ที่ 35,910 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.24 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ที่ขาดทุน 43,620 ล้านดอลลาร์ 

เบิร์กเชียร์รายงานกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเกือบ 26,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 901,680 ล้านบาท) จากการลงทุน ซึ่งเบิร์กเชียร์ถือหุ้นจำนวนมหาศาลในบริษัทแอปเปิล (Apple) ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 18% ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้หุ้นแอปเปิลที่เบิร์กเชียร์ถือครองอยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 177,600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.15 ล้านล้านบาท) 

เบิร์กเชียร์มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เตือนนักลงทุนในการประชุมประจำปีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ปีนี้กำไรของหน่วยธุรกิจส่วนใหญ่ในเครืออาจลดลง เนื่องจากเป็น “ช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ” ของเศรษฐกิจสหรัฐ กล่าวคือ เป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงจะถดถอยมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังรอดพ้นภาวะถดถอยได้อยู่  

Advertisment

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในความเสี่ยง แต่เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ช่วยให้เบิร์กเชียร์ได้รับผลตอบแทนมากขึ้นจากเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตราสารหนี้อายุสั้น (ตั๋วเงินคลัง) ซึ่งตามรายงานของเบิร์กเชียร์ที่เผยแพร่ในวันที่ 5 สิงหาคมนั้น เบิร์กเชียร์ลงทุนในตั๋วเงินคลังของรัฐบาลสหรัฐรวมมูลค่า 120,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ กองเงินสดเงินที่เบิร์กเชียร์มีไว้สำหรับลงทุนในไตรมาส 2/2023 นั้น สูงถึง 147,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นอันดับ 2 ของตัวเลขย้อนหลังถึงปี 2014 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเบิร์กเชียร์เจอกับปัญหามีเงินสดส่วนเกินที่ไม่มีอะไรให้นำเงินไปซื้อ เนื่องจากการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้บัฟเฟตต์ขาดเป้าหมายในการเข้าซื้อกิจการ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะสร้างเกิดแรงกดดันในการถือเงินสดนั้นไว้

การขาดแคลนโอกาสในการลงทุนหรือซื้อกิจการใหม่ ๆ ทำให้เบิร์กเชียร์ใช้เงินที่มีดำเนินการซื้อหุ้นบริษัทในเครือคืน อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการซื้อคืนหุ้นในไตรมาส 2 ชะลอตัวลง โดยซื้อเพียง 1,400 ล้านดอลลาร์ (ยอดรวม 2 ไตรมาส 5,800 ล้านดอลลาร์) เนื่องจากราคาหุ้น “Class B” ของบริษัทในกลุ่มเบิร์กเชียร์เพิ่มขึ้นใกล้แตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อกลยุทธ์การซื้อหุ้นคืน 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในหุ้น เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ยังเป็นผู้ขายสุทธิในไตรมาสนี้

สำหรับทิศทางการลงทุนในระยะถัดไป เท่าที่ได้ทราบจากการที่บัฟเฟตต์กล่าวเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คือ เบิร์กเชียร์จะเดินหน้าลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐต่อไป โดยบัฟเฟตต์กล่าวว่า การปรับลดอันดับเครดิตรัฐบาลสหรัฐของฟิทช์ เรทติ้งส์ ( Fitch Ratings) จะไม่ทำให้ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐของตัวเขาลดน้อยลงไป