ทุนจีนหนีพิษเศรษฐกิจซึม ไหลเข้าเอเชียพุ่ง 37% ครึ่งหนึ่งอยู่ใน “อาเซียน”

ทุนจีน แห่ลงทุนในเอเชีย

มีข้อมูลน่าสนใจที่เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ในปี 2023 ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ต่ำกว่าความคาดหวัง จีนนำเงินออกจากประเทศมาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้นถึง 37% โดยครึ่งหนึ่งอยู่ใน “อาเซียน”

รายงาน “การลงทุนของจีนในเอเชีย-แปซิฟิก ปี 2023” ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยกริฟฟิทในออสเตรเลียเผยว่า การลงทุนของจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกผ่านการก่อสร้างและการลงทุนที่ไม่ใช่การลงทุนในภาคการเงินเพิ่มขึ้นมากในปี 2023 โดยมีข้อตกลง 94 ฉบับ มูลค่ารวม 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.59% จาก 29,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022

ในจำนวน 37,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงทุนที่ไม่ใช่การลงทุนในภาคการเงินมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า และเป็นสัญญาการก่อสร้างมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากปีก่อนหน้า ซึ่งในส่วนการลงทุนนั้น ครองการลงทุนโดยบริษัทเอกชน ส่วนการก่อสร้างนั้นครองการลงทุนโดยรัฐวิสาหกิจจีน

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เงินทุนจากจีนไหลเข้ามากที่สุดคือเทคโนโลยี รองลงมาคือโลหะและเหมืองแร่

การลงทุนของจีนในเอเชีย-แปซิฟิกที่เพิ่มขึ้นสูงนี้ แตกต่างกันอย่างอย่างชัดเจนกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยรวมที่ไหลเข้าไปในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียซึ่งมูลค่าลดลง 12% ในปี 2023

นอกจากนั้น ข้อมูลเชิงลึกที่จัดทำโดย “คริสตอฟ เนโดพิล” (Christoph Nedopil) ผู้อำนวยการสถาบันกริฟฟิท เอเชีย (Griffith Asia) เผยให้เห็นว่า กิจกรรมการลงทุนในเอเชีย-แปฟิกของจีนส่วนใหญ่มุ่งไปที่ประเทศที่เป็นสมาชิกหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ “ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง” (Belt and Road Initiative)

กว่า 92% ของสัญญาการก่อสร้างอยู่ในประเทศสมาชิกและแนวร่วม BRI ขณะที่การลงทุนในประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกและแนวร่วม BRI ลดลงสู่ระดับ “นิวโลว์” หรือต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นลดลง 90% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งก่อนหน้านี้ในปี 2022

ประมาณ 50% หรือครึ่งหนึ่งของการลงทุนของจีนในเอเชีย-แปซิฟิกในปี 2023 อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “อาเซียน” คิดเป็นเพิ่ม 27% จากปี 2022

“อินโดนีเซีย” เป็นผู้ได้รับเงินลงทุนรายใหญ่เพียงรายเดียว ด้วยเงินลงทุนจากจีนที่ไหลเข้าประมาณ 7,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินลงทุนที่มากอย่างมีนัยสำคัญคือ การที่ติ๊กต๊อก (TikTok) จากจีนเข้าซื้อบริษัทเทค “โทโกพีเดีย” (Tokopedia) ของอินโดนีเซียในสัดส่วน 75% เป็นมูลค่า 840 ล้านดอลลาร์

ในทางตรงข้าม มี 6 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย เมียนมา ปาปัวนิวกินี ทาจิกิสถาน และตุรกี ที่การลงทุนของจีนในปี 2023 ลดลง 100% จากปี 2022 กล่าวคือในปี 2023 ไม่มีการลงทุนหรือโครงการก่อสร้างใหม่ของจีนในประเทศเหล่านี้เลย ซึ่งเนโดพิล ผู้อำนวยการสถาบันกริฟฟิท เอเชีย กล่าวว่า มีเหตุผลหลายประการ แต่โดยทั่วไปแล้วเกิดจากความเสี่ยงทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ อย่างเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ที่แย่ลง 

อีกข้อค้นพบหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปี 2023 เป็นปีที่จีนลงทุนด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเอเชีย-แปซิฟิกสูงสุดตลอดกาล ด้วยมูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกันการลงทุนในเชื้อเพลิงฟอสซิลก็ยังสูงกว่าการลงทุนพลังงานสีเขียว ซึ่งหมายความว่าปี 2023 เป็นปีที่จีนลงทุนด้านพลังงานในเอเชีย-แปซิฟิกอย่างหนักหน่วง

รายงานนี้ยังคาดการณ์ด้วยว่า การลงทุนของจีนในเอเชีย-แปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในปีนี้ เนื่องจากมีความเร่งด่วนยิ่งขึ้นในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงอุปสงค์ในประเทศจีนที่อ่อนแอลง ส่งผลให้บริษัทจีนต้องออกมาแสวงหาโอกาสในต่างประเทศ