เม็กซิโกขู่ขึ้นภาษีโต้กลับทรัมป์ เตือนคนในสหรัฐตกงาน 400,000 คน

คลอเดีย เชนบัม ประธานาธิบดีเม็กซิโก
แฟ้มภาพ - คลอเดีย เชนบัม ประธานาธิบดีเม็กซิโก (ภาพโดย Raquel Cunha/ REUTERS)

ประธานาธิบดีเม็กซิโกขู่จะขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐกลับ หากโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 25% เตือนภาษีดังกล่าวอาจทำให้คนในสหรัฐตกงาน 400,000 คน และราคาสินค้าในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 ตามเวลาเม็กซิโก คลอเดีย เชนบัม (Claudia Sheinbaum) ประธานาธิบดีเม็กซิโก กล่าวว่า เม็กซิโกจะตอบโต้หากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐยังคงยืนกรานที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกอัตรา 25% ซึ่งรัฐบาลของเธอเตือนว่า การเก็บภาษีดังกล่าวอาจทำให้คนทำงานในสหรัฐต้องตกงาน 400,000 คน และทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น

“หากสหรัฐใช้มาตรการภาษีศุลกากร เม็กซิโกก็จะขึ้นภาษีศุลกากรเช่นกัน” ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าวในการแถลงข่าว 

ขณะที่ มาร์เซโล เอบราร์ด (Marcelo Ebrard) รัฐมนตรีว่ากระทรวงเศรษฐกิจของเม็กซิโก เรียกร้องว่าควรมีการร่วมมือกันและบูรณาการในระดับภูมิภาคมากขึ้นแทนที่จะใช้สงครามภาษีนำเข้าตอบโต้กัน 

เขาเตือนว่า ภาษีศุลกากรจะส่งผลให้คนในสหรัฐสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมาก การเติบโตของเศรษฐกิจลดลง และส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐที่มีฐานการผลิตในเม็กซิโก โดยจะเพิ่มอัตราภาษีที่บริษัทเหล่านั้นต้องจ่ายเป็นสองเท่า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล โดยระบุชื่อบริษัทที่จะได้รับผลกระทบมาก คือ บริษัทรถยนต์ ทั้งสัญชาติอเมริกันอย่างฟอร์ด (Ford) และเจเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) ไปจนถึงบริษัทรถยุโรปอย่าง สเตลแลนทิส (Stellantis) เจ้าของแบรนด์ เปอโยต์ (Peugeot) จีป (Jeep) และเฟียต (Fiat) เป็นต้น 

เอบราร์ดบอกอีกว่า รถกระบะ 88% ที่ขายในสหรัฐนั้นผลิตในเม็กซิโก และคาดว่าหากมีการเก็บภาษีอัตรา 25% รถยนต์เหล่านั้นจะมีราคาเพิ่มขึ้น 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 103,260 บาท) ซึ่งรถประเภทนี้ได้รับความนิยมในพื้นที่นอกเมืองซึ่งเทคะแนนให้ทรัมป์อย่างท่วมท้น 

ADVERTISMENT

ในวันเดียวกันนั้น หลังจากแถลงข่าวดังกล่าว เชนบัมได้คุยโทรศัพท์กับทรัมป์ ซึ่งทั้งสองได้พูดคุยกันหลายหัวข้อ ฝั่งทรัมป์กล่าวว่า ภาษีศุลกากรจะยังมีผลบังคับใช้ไปจนกว่าจะควบคุมการส่งยาเสพติดและการลอบเข้าสหรัฐของผู้อพยพผ่านพรมแดนเม็กซิโกได้

ทรัมป์เขียนโพสต์บนแพลตฟอร์ม ทรูท โซเชียล (Truth Social) ของเขาว่า เชนบัมตกลงที่จะยุติการอพยพผ่านแดนเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐ ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดพรมแดนทางใต้ของสหรัฐ และทรัมป์กล่าวถึงการสนทนากับประธานาธิบดีเม็กซิโกครั้งนี้ว่า “มีประโยชน์มาก” 

หลังจากนั้น เชนบัมได้กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ว่า ในการสนทนากับทรัมป์ เธอได้เปิดเผยแผนยุทธศาสตร์การย้ายถิ่นฐาน (Migration Strategy) ของเม็กซิโก ซึ่งจะดูแลผู้อพยพก่อนที่พวกเขาจะไปถึงชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก 

“จุดยืนของเม็กซิโกไม่ใช่การปิดพรมแดน แต่เป็นการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างรัฐบาลและประชาชน [ของทั้งสองประเทศ]” ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าว 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์เป็นเพียงกลยุทธ์ในการเจรจามากกว่าที่จะเป็นนโยบายการค้า

เดวิด โคห์ล (David Kohl) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของจูเลียส แบร์ (Julius Baer) บริษัทบริหารจัดการความมั่งคั่งและการลงทุนจากสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า การที่ไม่มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการขู่ครั้งนี้กับประเด็นที่เกี่ยวกับการค้า แสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐมีแผนจะใช้ภาษีศุลกากรเป็นกลยุทธ์ในการเจรจาเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าเป็นส่วนใหญ่