ผวา “หยวน” อ่อนค่า หวั่นเปิดฉาก “สงครามค่าเงิน”

ประเด็นหนึ่งที่กำลังถูกจับตามองไปพร้อม ๆ กับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก็คือการอ่อนค่าของเงินหยวน ซึ่งปรากฏว่า ณ วันที่ 3 กรกฎาคม เงินหยวนอ่อนค่าที่สุดในรอบ 11 เดือน

โดยตลาดออนชอร์ซื้อขายอยู่ที่ 6.6748 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นครั้งแรกนับจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่อ่อนค่าเกิน 6.7 หยวนต่อดอลลาร์ จากปกติที่ธนาคารแห่งชาติจีนกำหนดค่ากลางไว้ที่ 6.6497 หยวนต่อดอลลาร์

เฉพาะเดือนมิถุนายน ซึ่งสหรัฐเริ่มประกาศรายชื่อสินค้าจากจีนที่จะถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้า ส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าไปแล้ว 3.25% ทำให้บางคนเปรียบเทียบว่าสถานการณ์ดังกล่าวคล้าย ๆ กับเดือนสิงหาคมปี 2558 เมื่อธนาคารกลางจีนปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่ามากอย่างไม่คาดฝันเกือบ 3% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จนเกิดความปั่นป่วนทั่วโลก เพราะต้องการกระตุ้นการส่งออก หลังจากการส่งออกลดลงและเศรษฐกิจชะลอตัวมาก

การอ่อนค่าของหยวนในรอบนี้ ทำให้ถูกจับตาว่าจีนจะใช้ค่าเงินตอบโต้สหรัฐและเอื้อการส่งออก จนอาจนำไปสู่สงครามค่าเงินหรือไม่ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าจีนจงใจลดค่าเงิน แต่เกิดจากกลไกตลาดที่สืบเนื่องมาจากความเสี่ยงของสงครามการค้า เพราะหลังจากสหรัฐตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีน

บรรดานักลงทุนก็พากันทิ้งสกุลเงินตลาดเกิดใหม่แล้วหันมาถือครองดอลลาร์เพื่อความปลอดภัยแทน ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่ค่าเงินหยวนจะอ่อนลง

ไอริส ผาง นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารไอเอ็นจีในจีน ระบุว่า การลดค่าเงินหยวนเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2558 ถือเป็นวิกฤตที่เกิดจากความจงใจของธนาคารกลาง แต่ในครั้งนี้การอ่อนค่าถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดเพื่อสะท้อนความเสี่ยง

จากสงครามการค้า และมันบ่งชี้ว่าธนาคารกลางจีนปล่อยให้พลังของตลาดเป็นผู้กำหนดความเร็วของการอ่อนค่า ทั้งนี้ไอเอ็นจีคาดการณ์ว่าค่าเงินหยวนเมื่อถึงสิ้นปีจะอยู่ระหว่าง 6.6 ถึง 7 หยวนต่อดอลลาร์

อลัน รัสกิน นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนดอยช์แบงก์ บอกว่า ยังไม่ชัดเจนว่าการอ่อนค่าของเงินหยวนสิ้นสุดลงแล้ว แต่เรื่องสงครามค่าเงินนั้น ไม่คิดว่าจะมีฝ่ายไหนเปิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบจนนำไปสู่สงครามค่าเงิน เพราะไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของตัวเอง ขณะเดียวกันการที่เงินหยวนอ่อนค่า ก็เกิดจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของจีนเพื่อรับมือสงครามการค้า อย่างเช่นการลดกันสำรองธนาคารพาณิชย์เพื่อประคองเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นการจงใจลดค่าเงินโดยตรง

มีรายงานว่า นายอี้ กาง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ชี้แจงว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนเกิดจากการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่ไม่มีความแน่นอน และยืนยันว่าจีนจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบระมัดระวัง รวมทั้งจะรักษาค่าเงินให้อยู่ในระดับสมเหตุสมผล

ส่วนมุมมองของ บอริส ชลอสส์เบิร์ก แห่งบีเค แอสเสท แมเนจเมนต์ ความกังวลในตลาดเงินตราถูกยกออกไป บางส่วน หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีผ่อนปรนลง เห็นได้จากทรัมป์สนับสนุนให้ยกเครื่องคณะกรรมาธิการการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐ โดยคณะกรรมาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าบริษัทจีนควรได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของกิจการในสหรัฐหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่ผ่อนคลายความแข็งกร้าวลงจากเดิมที่ห้ามไม่ให้บริษัทใดก็ตามที่มีจีนถือหุ้น 25% เข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในสหรัฐ

ที่ผ่านมาจีนถูกรัฐบาลสหรัฐกล่าวหาบ่อย ๆ ว่าจงใจกดค่าเงินหยวนให้อ่อนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการส่งออก เมื่อมาถึงรัฐบาลทรัมป์ การกล่าวหาจีนยิ่งรุนแรงขึ้น โดยจีนเกือบถูกสหรัฐจัดให้อยู่ในประเทศที่มีการ “บงการค่าเงิน”

อย่างไรก็ตาม การที่ปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงทำให้ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความไม่แน่นอน ต้องรอลุ้นว่าจะเกิดสงครามการค้าเต็มรูปแบบจนนำไปสู่สงครามค่าเงินหรือไม่