เจโทรเผย “ร้านซูชิ” บูม ขยายสาขาออกต่างจังหวัด

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ แถลงผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ปี 2018 ซึ่งทำการสำรวจระหว่าง 1 มิ.ย.-31 ส.ค. 2018 ที่ผ่านมา โดยนายฮิโรคิ มิทสึมาตะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ ระบุว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยทั่วประเทศ 3,004 ร้าน ถือว่าเป็นจำนวนเยอะที่สุดในรอบ 10 ปีของการสำรวจ และเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีที่แล้ว

โดยประเภทร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ “ร้านข้าวปั้นซูชิ” ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 79.4% จากปีที่แล้ว โดยปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 454 ร้าน เนื่องจากได้รับความนิยมสูง และมีการขยายสาขาออกต่างจังหวัดค่อนข้างมาก

ขณะที่ร้านอาหารประเภทอื่น ๆ ที่มีอัตราการเติบโตน่าจับตาเช่นกัน ได้แก่ ร้านอาหารสไตล์ดงบุริ (ข้าวหน้าต่าง ๆ) 20% และร้านอาหารทอด 14.3%

กรุงเทพฯ คือ จังหวัดที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด รองลงมาคือ “ชลบุรี” ซึ่งมีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่รองลงมาจากเมืองหลวง ตามด้วย “นนทบุรี” และ “เชียงใหม่” ทั้งนี้ ในประเทศไทย

มีเพียง 4 จังหวัดเท่านั้น ที่ไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่น คือ สุโขทัย หนองบัวลำภู บึงกาฬ และยโสธร แสดงให้เห็นว่าอาหารญี่ปุ่นได้รับการยอมรับและมีความแพร่หลายในประเทศไทย

ทั้งนี้ ผลสำรวจยังพบว่า จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นใน “กรุงเทพฯ” ลดลง 1.2% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีอยู่จำนวน 1,718 ร้าน โดยมีร้านเปิดใหม่ 444 ร้าน แต่มีร้านที่ปิดตัวถึง 465 ร้าน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สวนทางกับร้านอาหารญี่ปุ่นใน “ต่างจังหวัด” ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 24.3% โดยคิดรวมเป็น 1,286 ร้าน

“ร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ปิดตัวคิดว่าเพราะการแข่งขันสูง และการเปิดร้านใหม่หรือเป็นเจ้าของค่อนข้างยาก แม้ว่ามีคนไทยอยากจะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะก็ตาม ทำให้บางคนตัดสินใจกลับไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในจังหวัดบ้านเกิดตนเอง ซึ่งก็เห็นว่ามีหลายเจ้าที่ทำเช่นนี้” มิทสึมาตะกล่าว

การสำรวจยังระบุด้วยว่า ในปี 2018 ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาเดียวในประเทศไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 4% อยู่ที่ 934 ร้าน ขณะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบแบรนด์เชน มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์เชนที่ปัจจุบันดำเนินกิจการ 2-5 สาขาในประเทศไทย มีจำนวนถึง 192 แบรนด์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 34 แบรนด์