จีน ล็อกดาวน์เสิ่นเจิ้น เสี่ยงอุตสาหกรรมเทคโลกสะเทือน

REUTERS/Tingshu Wang

กฎคุมเข้มโควิคเมืองเสิ่นเจิ้นรอบใหม่ ไม่เพียงสะเทือนต่อเศรษฐกิจของจีน ยังอาจกระทบต่อซัพพลายเชนโลก ท่ามกลางประชาชนสะท้อนเริ่มหงุดหงิดโควิดซีโร่

วันที่ 14 มีนาคม 2565 บลูมเบิร์กรายงานว่า จากสถานการณ์โควิดระบาดในจีนระลอกใหม่จนทำให้ทางการนครเสิ่นเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง ต้องยกระดับมาตรการคุมการระบาด แม้จะพบผู้ติดเชื้อเพียงหลักสิบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (COVID Zero) ที่จีนยึดถืออย่างเคร่งครัดมานาน

ส่งผลให้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการได้สั่งให้ประชาชนในเมืองเสิ่นเจิ้นราว 17.5 ล้านคน ต้องล็อกดาวน์อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Australia & New Zealand Banking Group Ltd ให้ความเห็นกับบลูมเบิร์กว่า มาตรการจัดการโควิดแบบเข้มงวดนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลสำคัญของจีนที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 11% ของจีดีพีประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

นักวิเคราะห์จากสถาบันออสเตรเลียกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น นั่นจะตามมาด้วยมาตรการที่เข้มงวดขึ้น และนั่นหมายถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของทั้งประเทศ การล็อกดาวน์ในเสิ่นเจิ้นจะส่งผลกระทบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เทคโนโลยีและเครื่องจักร ซึ่งทำหน้าที่ป้อนเข้าสู่ซัพพลายเชนทั่วโลก

Photo by AFP

ไม่เพียงแต่นครเสิ่นเจิ้นที่พยายามต่อสู้กับโควิด เมืองศูนย์กลางด้านการเงินบนจีนแผ่นดินใหญ่อย่างนครเซี่ยงไฮ้ก็มีรายงานเริ่มพบเคสติดเชื้อโควิดเช่นกัน ทำให้ท้องถิ่นเซี่ยงไฮ้สั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน รวมถึงยกเลิกระบบขนส่งประจำทางระหว่างเมือง

ซึ่งยังรวมถึงการล็อกดาวน์ศูนย์กลางอุตสาหกรรมตะวันออกเฉียงเหนือของฉางชุน ในเมืองจี๋หลิน เมืองที่มีประชากรประมาณ 9 ล้านคน และคิดเป็นประมาณ 11% ของผลผลิตรถยนต์ทั้งหมดในจีน

เรย์มอนด์ แยง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แผนกจีนแผ่นดินใหญ่ ของธนาคาร ANZ ให้ความเห็นว่า มีแนวโน้มที่เมืองอื่นในจีนจะใช้วิธีคุมโรคในลักษณะเดียวกัน แยงกล่าวอีกว่า หากเมืองอุตสาหกรรมสำคัญตามแนวชายฝั่งและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินตามรอยมาตรการคุมโรคของเสิ่นเจิ้น รวมถึงประเมินว่าหากเมืองเหล่านี้ล็อกดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ อาจมีต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงถึง 0.8% ของการเติบโตของจีดีพี

Nomura Holdings Inc. กล่าวว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจของแนวคุมโรคแบบโควิดซีโร่นั้นสูงมาก เสิ่นเจิ้นได้ชื่อว่าเป็นซิลิคอนวัลเลย์ของจีน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีหลายรายทั้ง Tencent, Huawei และโรงงาน Foxconn ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรายใหญ่ของ Apple

ซึ่งโรงงานดังกล่าวจำต้องยุติสายพานการผลิตชัวร์คราวเนื่องจากคำสั่งล็อกดาวน์ด้วย เสิ่นเจิ้นยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินรายใหญ่อย่าง Ping An Insurance Group Co. และ China Merchants Bank Co. เช่นเดียวกับสถาบันการเงินต่างชาติอย่าง UBS และ HSBC ต่างมีสำนักงานสาขาในเสิ่นเจิ้น

ตามข้อมูลที่บลูมเบิร์กเก็บสถิติ ในปี 2564 มูลค่าการส่งออกของมณฑลกวางตุ้งสูงถึง 795 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 23% ของการขนส่งทั้งหมดของจีนในปีที่ผ่านมา ซึ่งมากที่สุดในบรรดาจังหวัดใดๆ นครเสิ่นเจิ้นเพียงแห่งเดียวมีการส่งออกมูลค่ากว่า 303 พันล้านดอลลาร์

หลุยส์ คูจส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของS&P Global Ratings กล่าวว่า “แม้ว่าการล็อกดาวน์จะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ แต่ผลกระทบน่าจะคงอยู่นานกว่าสองสามสัปดาห์ อันเนื่องมาจากการหยุดชะงักของอุปทานในเมืองและห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีโลก แม้ว่าการคุมโควิดรอบนี้จะยังไม่ได้นำไปสู่การหยุดชะงักทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่รอบใหม่ แต่ข้อจำกัดดังกล่าวก็ทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของเชื้อโอมิครอนที่ระบาดได้เร็ว”

REUTERS/Tingshu Wang

ผู้คนเริ่มหงุดหงิดโควิดซีโร่

ด้านรอยเตอร์สรายงานความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญว่า กลยุทธ์โควิดซีโร่ของจีนมีความท้าทายในการระบาดรอบนี้อย่างมาก เนื่องจากเชื้อโอมิครอนที่แพร่กระจายได้ง่าย ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ แสดงอาการน้อย หรือกว่าจะรู้ว่าติดเชื้อก็นานกว่าปกติ เนื่องจากเชื้อที่ไม่รุนแรง ประกอบกับประชากรเข้าถึงวัคซีนเกิน 90% การเพิ่มความเข้มงวดด้วยการปิดโรงเรียนและบางสถานที่ในเซี่ยงไฮ้ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือว่าอาจมีการล็อกดาวน์เหมือนเขตอุตสาหกรรมใกล้เคียง

หลังจากที่ต้องต่อสู้กับการระบาดใหญ่มากว่า 2 ปี ประชาชนไม่น้อยเริ่มสะท้อนความไม่พอใจ ชาวเซี่ยงไฮ้บางรายได้ใช้แพลตฟอร์มเว่ยป๋อ บ่นเกียวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา หากถูกกักตัวโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

ขณะที่พนักงานธนาคารบางรายเดินทางไปทำงานพร้อมกับเสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการล็อกดาวน์ ผู้จัดการโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้สะท้อนว่า เขาได้รับการร้องขอจากนายจ้างให้กักตุนเสบียงภายในสำนักงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์

“ทำไมไม่ขอให้ผู้คนทำงานจากที่บ้านจนกว่าจะพ้นช่วงความเสี่ยง มันดูเหมือนว่ามาตรการเหล่านี้เป็นการแสดงละครสำหรับบรรดาบริษัทต่างๆ หรือนายจ้าง ให้รัฐบาลท้องถิ่นเห็นว่าพวกเขามีส่วนร่วมทำตามโควิดซีโร่”