
ปูติน ผู้นำรัสเซียเพิ่งแสดงความมั่นใจว่า ชาติยุโรปขาดพลังงานจากรัสเซียได้ไม่นาน ฝั่งสหรัฐอเมริกาเองก็รับสภาพว่า รัสเซียขายน้ำมัน ได้สูงกว่าช่วงก่อนสงคราม
วันที่ 10 มิถุนายน 2565 วอชิงตันเอ็กแซไมเนอร์ รายงานว่า นายอามอส ฮอชสไตน์ ผู้แทนความมั่นคงด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนเข้าประชุมอนุกรรมาธิการด้านความร่วมมือกับยุโรป ถึงคำถามว่า ขณะนี้รัฐบาลรัสเซียขายน้ำมันและก๊าซได้มากกว่าช่วงก่อนสงคราม (24 ก.พ.) หรือไม่

นายฮอชสไตน์กล่าวว่า “ผมไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้” และว่า ความต้องการใช้น้ำมันหลังผ่านพ้นช่วงโควิดระบาด ไปไกลมาก และสูงมากกว่าที่ใครๆ คาดการณ์ไว้
ความเห็นนี้มีขึ้นหลังจากสหภาพยุโรปผ่านมาตรการลงโทษรัสเซียส่งออกน้ำมัน และพยายามหาทางลดการพึ่งพาพลังงานถ่านหินของรัสเซีย (สหรัฐและสหราชอาณาจักรต่างแยกกันห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไปก่อนหน้านี้แล้ว)
นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การที่อียูห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียจะเกิดสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ในระยะสั้น ตามที่ได้เห็นราคาน้ำมันที่พุ่งกระฉูด จนรัสเซียหาเงินเข้ากระเป๋าได้จากการที่หลายประเทศหาแหล่งส่งน้ำมันทางเลือก

นายฮอชไสตน์กล่าวว่า แม้ว่ารัสเซียจะขายน้ำมันแบบลดราคากระหน่ำแล้ว แต่ด้วยภาวะราคาน้ำมันขึ้นสูง จึงทำให้รายได้สุทธิจากการขายน้ำมันของรัสเซียเพิ่มสูงขึ้น
คำให้สัมภาษณ์นี้สอดคล้องกับรายงานวิเคราะห์ของกลุ่มบรูเอเกิล ประจำกรุงบรัสเซลส์ ประเทศยุโรป ที่เตือนอียูเมื่อเดือนก่อนว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สถานการณ์หนึ่งที่จะมีผลตามมาจากประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย คือราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น”
“และการขายน้ำมันของรัสเซียให้สหภาพยุโรปจะยังดำเนินต่อไปอีกหลายเดือน ดังนั้นนี่จะเป็นการเพิ่มกำไรอย่างงามให้แก่รัสเซีย และเพิ่มงบประมาณให้รัฐบาลในระยะสั้นด้วย ขณะที่การสู้รบในสงครามยังดุเดือด” รายงานบรูเอเกิลระบุ

หลังจากอียูประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียไม่ทันถึงสองสัปดาห์ ตัวเลขที่เคยคาดการณ์ไว้ก็ปรากฏผลแล้ว ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ราคาทะยานไป 123 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ใกล้ราคาสูงเป็นสถิติในรอบ 3 เดือน
ขณะเดียวกัน อินเดียและจีนต่างเพิ่มการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียที่ลดราคาเมื่อเดือนพ.ค. เฉพาะอินเดียนำเข้าเฉลี่ย 740,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มจากเมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งอยู่ที่ 284,000 บาร์เรลต่อวัน และเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนั้นยังมีปริมาณเพียง 34,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจากรายงานของบลูมเบิร์ก อินเดียเพิ่งเจรจากับบริษัทรอสเนฟต์ของรัสเซียที่จะนำเข้าน้ำมันเพิ่มอีก
กรณีนี้ นายฮอชสไตน์กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนฯ ว่า เขาเองเชื่อว่าอินเดียมีเพดานอยู่ว่าจะนำเข้าน้ำมันรัสเซียได้ปริมาณสูงสุดเท่าใด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เพียงกล่าวย้ำกับอนุกรรมาธิการว่า สหรัฐต้องมีบทบาทช่วยยุโรปให้รอดพ้นจากสภาพการณ์ที่อันตรายนี้ไปได้