
เฟดฟาดเงินเฟ้อแล้วตามคาด เมื่อลงมติ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สูงที่สุดในรอบเกือบสามทศวรรษ ทั้งส่งสัญญาณจะใช้ยาแรงต่อไป ด้วยความคาดหวังเงินเฟ้อจะลดลงเรื่อยๆ ถึงเป้าหมายที่ต้องการ
วันที่ 15 มิถุนายน 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED – เฟด มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ และยังส่งสัญญาณว่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยอีก จนเพิ่มความเสี่ยงว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยขึ้นอีกครั้ง
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เมื่อขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่ธรรมดาดังกล่าวแล้ว ก็มีความคาดหมายว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเป็นระลอก เริ่มจากตอนนี้เลย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดเฟดจึงขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่นายพาวเวลล์เคยส่งสัญญาณไว้ นายพาวเวลล์ตอบว่า รายงานล่าสุดแสดงให้เห็นแล้วว่า เงินเฟ้อร้อนแรงกว่าที่คาดไว้ จากสถานการณ์ช่วง 4-5 เดือนมานี้ รวมถึงจากศึกรัสเซีย-ยูเครน
“เราคิดว่าการใช้ยาแรงเป็นสิ่งที่รับประกันได้ในการประชุมครั้งนี้ เราจึงใช้วิธีนี้” ประธานเฟดกล่าว และว่า “ความผิดพลาดที่จะร้ายแรงที่สุดก็คือการไม่ฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง”
นายพาวเวลล์กล่าวด้วยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจลดลงเล็กน้อย แต่จะเป็นในระดับที่เหมาะสม เพราะเศรษฐกิจโดยรวมแข็งแกร่งดีและยังไปได้ด้วยดี เราจะพยายามไม่ชักนำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย ขอให้มั่นใจเรื่องนี้

เฟดลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.5%-1.75% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ นับเป็นการขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 (ค.ศ.1994) หรือสูงสุดในรอบ 28 ปี เพื่อตรึงเครดิตพร้อมสกัดภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในประเทศ โดยต้องการดึงตัวเลขเงินเฟ้อลงมาแตะเป้าหมาย 2% ให้ได้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีขึ้นหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือน พ.ค. ทะยานไปถึง 8.6% เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ และลุกลามเศรษฐกิจภาคต่างๆ ไปไม่หยุด และไม่มีสัญญาณจะชะลอตัวลง
ชาวอเมริกันยังคาดว่าจะเจอระดับเงินเฟ้อไปอีกนานกว่าที่เคยพบเห็นมาก่อน ความวิตกกังวลนี้เป็นผลทางจิตวิทยาในเศรษฐกิจ และทำให้ยากขึ้นไปอีกที่จะดึงเงินเฟ้อกลับมาที่เป้าหมาย 2% ของเฟด
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดหุ้นล่าสุดนี้ ขานรับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้ด้วยกระดานเขียว ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 1.3%หลังช่วงเที่ยงไปแล้ว และผ่านช่วงขึ้น-ลงอย่างวูบวาบที่นายพาวเวลล์แถลงข่าว

เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่เหวี่ยงไปมา ตอนแรกบวก 530 จุด จังหวะต่อมาดิ่งเกือบ 180 จุด จนกระทั่งขยับขึ้นมา 344 จุด ขึ้น 1.1% ส่วนดัชนีแนสแด็กสูงขึ้น 2.5%
นายพาวเวลล์กล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคม อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกที่อัตรา 0.50% หรือ 0.75% จนกว่าเงินเฟ้อจะเริ่มกลับลงมาสู่ระดับปกติ
“เฟดซีเรียสกับเรื่องเงินเฟ้อ แทนที่จะปล่อยให้ลงเองโดยธรรมชาติ พวกเขาต้องการทำให้มันดูดี แม้ว่านั่นจะทำให้เศรษฐกิจโตช้าลง” นายไบรอัน แจ๊กสัน นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การลงทุนของ ออลสปริง โกลเบิล อินเวสต์เมนต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของเฟดแสดงให้เห็นว่าทางการสหรัฐฯคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงประมาณ 1.7% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมีนาคม
ส่วนอัตราการว่างงานซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 3.6% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% และแตะ 4.1% ภายในปี 2567