วัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ ยกระดับสัมพันธ์ไทย-จีน

     หนึ่งในศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีประวัติสืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 5 พันปี และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม ศาสตร์แห่งธรรมชาติ ศาสนา และปรัญชาได้อย่างลงตัว เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นทำให้ “ศาสตร์การแพทย์แผนจีน” ถูกนำมาผสมผสานกับศาสตร์การแพทย์อื่นๆ เกิดการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง

     ในประเทศไทยพบหลักฐานว่าแพทย์แผนจีนแพร่หลายเข้ามาในสมัยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยปรากฎชัดเจนในคัมภีร์โอสถพระนารายณ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมยาในราชสำนักของไทย และมีตำรับหนึ่งที่เป็นของจีนที่หมอจีนมาเขียนไว้ เป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นว่ามีหมอจีนเข้ามาในไทย ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้รับรองการแพทย์แผนจีนให้เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบโรคศิลปะ ที่ต้องมีการรับรองการขึ้นทะเบียนและการรับใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ สะท้อนให้เห็นว่าแพทย์แผนจีนเข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ของไทย

     “จีนกับไทย มีความสัมพันธ์อันดีกันมาอย่างยาวนานใน 4 มิติ ทั้งด้านการทูต การค้า วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทำให้วัฒนธรรมจีนก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางด้านอาหารและสุขภาพ คนไทยต่างรู้จักการฝังเข็ม ยาจีน และหมอจีนอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนากลายเป็นศาสตร์ที่เรียกว่าวัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือก เป็นองค์ความรู้สำคัญที่คนไทยจะต้องรับรู้ ส่งเสริม รักษา และต่อยอด ตามพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดงาน “สัมมนาวัฒนธรรมการแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 1”

     โดยสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ศูนย์เผยแพร่และกระจายข่าววัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์แผนไทยและทางเลือก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและจีนเข้าร่วม

     “การฝังเข็ม” หนึ่งในศาสตร์การรักษาของจีนที่ได้รับการยอมรับและมีผลการวิจัยจากองค์การอนามัยโลก ยืนยันว่าสามารถบรรเทาอาหารได้กว่า 100 โรคไม่ว่าจะเป็นอาการปวดต่างๆ ปวดประจำเดือน ปวดนิ่วในถุงน้ำดี ปวดศีรษะจาก ความเครียดหรือก่อนมีประจำเดือน ไมเกรน ปวดหลังการผ่าตัด อัมพฤกษ์ ภูมิแพ้ หืด อาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ รวมทั้งได้ผลดีในผู้ที่ต้องการเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ และบำบัดการติดยาเสพติดอีกด้วย

     Wang Gui Hua เลขาธิการสมาคมแพทย์แผนจีน แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า อุตสาหกรรมเวชศาสตร์จีนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 40 ปีที่ผ่านมา มีการคิดค้นยามากถึง 13,000 ชนิดซึ่งล้วนมีส่วนประกอบจากธรรมชาติ มีนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย จนสามารถก้าวสู่การเป็นตลาดยาอันดับ 2 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดในปีที่ผ่านมาแพทย์แผนจีนได้ถูกบรรจุเข้าเป็นหนึ่งในบัญชีจำแนกทางสถิติระหว่างประเทศของโรคและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง หรือ ICD ขององค์การอนามัยโลก จึงคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมแพทย์แผนจีนจะเติบโตมีมูลค่า 8 ล้านล้านหยวนในปี 2020

     ไม่เพียงความโดดเด่นในเรื่องการฝังเข็มและยาเท่านั้น จีนยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีสเต็มเซลล์เพื่อการรักษาโรคต่างๆ อาทิ โรคเลือด โรคเบาหวาน โรคผิวหนัง รวมทั้งใช้ในอุตสาหกรรมเสริมความงาม โดยมุ่งเน้นการวิจัยสเต็มเซลล์ชนิด Mesenchymal Stem cell (MSCs) จากรกทารกเมื่อแรกคลอด เพื่อทำธนาคารสเต็มเซลล์และผลิตเป็นยาสำหรับรักษาโรคอีกด้วย

     การสัมมนาครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่วงการแพทย์ไทยจะได้การบูรณาการเชิงลึกร่วมกันด้านวัฒนธรรมการแพทย์ อันจะนำมาสู่มาต่อยอด พัฒนา ศาสตร์การรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนต่อไป

     เตรียมพบกับงานมหกรรมสุขภาพ – ตรวจสุขภาพฟรีครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “เฮลท์แคร์ ครั้งที่ 11” ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้ สู้โรค 2019” โดยกลุ่มบริษัทมติชนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ขนทัพหน่วยงานและองค์กรด้านสุขภาพชั้นนำมาร่วมขับเคลื่อน ผลักดันให้คนไทยรอบรู้ด้านสุขภาพ กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมในสถานที่ใหม่ บนเนื้อที่กว่า 5,000 ตร.ม. แล้วมาพบกัน วันที่ 27 30 มิถุนายน 2562 นี้ ณ Hall 5 อิมแพคเมืองทองธานี