มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จับมือภาครัฐ ชุมชน และ 14 เอกชนชั้นนำ ร่วมมือขยายผล “โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ใน 77 ป่าชุมชน ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้ชุมชน 500 ล้านบาท และผลิตคาร์บอน 500,000 ตันเทียบเท่าภายใน 10 ปี
หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สืบสานพระราชปณิธาน “ปลูกป่า ปลูกคน” มาเกือบสี่สิบปี จึงนำประสบการณ์มาขยายผลเพื่อร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า พร้อมกับร่วมแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมของไทยและของโลกไปในคราวเดียวกัน
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับความสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคเอกชน และชุมชนในการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่ามาตั้งแต่ปี 2563 โดยงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชนนำไปใช้ในการพัฒนาระบบประเมินคาร์บอนเครดิต และจัดตั้งกองทุนสองประเภท คือ กองทุนดูแลป่า และกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อเป็นรายได้แก่ชุมชน
การดำเนินงานช่วงพัฒนาระบบ (2563-2565) มีพื้นที่ปฏิบัติการใน 52 ป่าชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ 51,354 ไร่
ใน 7 จังหวัด และมีชุมชนเข้าร่วม 12,361 ครัวเรือน จนปัจจุบันเกิดความชำนาญจนนำมาสู่การขยายพื้นที่อย่างจริงจัง
สำหรับงานของปี 2566 นี้ โครงการได้รับความสนับสนุนจากประชาชนใน 77 ป่าชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ 143,496 ไร่ ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ อำนาจเจริญ และยโสธร โดยจะเป็นพื้นที่ขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตได้ประมาณ 100,000 ไร่ มีผู้เข้าร่วม 12,721 ครัวเรือน โดยมีภาคเอกชนชั้นนำมาร่วมสนับสนุนการพัฒนา 14 ราย
การขยายงานในครั้งนี้เมื่อรวมกับระยะพัฒนาระบบ ทำให้โครงการมีความร่วมมือในป่าชุมชนรวม 129 แห่งใน 9 จังหวัดครอบคลุมพื้นที่ 194,850 ไร่ ป้อนคาร์บอนได้ 500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และสร้างประโยชน์แก่ชุมชนในป่า 25,082 ครัวเรือน การดำเนินงานในแต่ละป่าชุมชนครอบคลุมระยะเวลาสิบปี และคาดว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ทางตรงด้านรายได้ชุมชนรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 500-630 ล้านบาท
“โครงการนี้นับเป็นนวัตกรรมที่มูลนิธิ และภาคีมีความภาคภูมิใจ เพราะเราสามารถสร้างประโยชน์ได้ทุกมิติ ชุมชนที่ดูแลป่ามีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยผลิตคาร์บอนเครดิตมาช่วยให้ประเทศไทยบรรลุข้อตกลงลดโลกร้อน และมีป่าสมบูรณ์ขึ้น เฉพาะในช่วงฤดูไฟป่าที่ผ่านมา เราพบว่าพื้นที่โครงการมีไฟป่าลดลงประมาณ 6,500 ไร่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 191 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากชุมชนในโครงการให้การดูแลป่าอย่างจริงจัง”
ในปี 2567 โครงการมีเป้าหมายจะขยายงานครอบคลุมพื้นที่อีก 150,000 ไร่ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายผลิตคาร์บอนเครดิต 1 ล้านตันภายในปี 2570
ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้ร่วมดำเนินโครงการกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ตั้งแต่ ปี 2531 ในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดน่าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 350,000 ไร่ และตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน กรมป่าไม้ร่วมกับชุมชนดำเนินการขึ้นทะเบียน T-VER ภาคป่าไม้ จำนวน 40 แห่ง เนื้อที่ประมาณ 45,000 ไร่ สามารถลดก๊าซคาร์บอนได้ประมาณ 18,000 ตันต่อปี
จึงเป็นที่มาของพระราชบัญญัติป่าชุมชน 2562 ที่เปิดให้ชุมชนทำงานร่วมกับกรมป่าไม้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จึงร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน “โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 และร่วมมือขยายงานมาอย่างต่อเนื่อง
โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ขึ้นทะเบียนเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) ภาคป่าไม้ ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) จากแนวคิดว่าคาร์บอนเครดิตเป็นกลไกที่จะกระตุ้นให้ชุมชนดูแลป่าและดูแลตัวเองได้ดีขึ้น ส่งผลให้ลดการสูญเสียพื้นที่ป่า ลดอัตราการเกิดไฟป่าและลดปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งเมื่อชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีก็จะบรรเทาปัญหาการว่างงาน หนี้ครัวเรือนและในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยภาคเอกชนในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจได้ด้วย
สำหรับองค์กรภาคเอกชนที่เห็นถึงความสำคัญและเข้าร่วมในโครงการประกอบด้วย
2563-2565 ระยะพัฒนาระบบ
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน)
- บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด
- บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
2566 ระยะขยายผล
- บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
- บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน)
- บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารออมสิน
- บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
- บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด