คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : อิศรินทร์ หนูเมือง
ก่อนและหลังเลือกตั้ง 2566 การเมืองยังแบ่งเป็น 3 เสา
เสาแรก-การเมืองแบบสืบทอดอำนาจ “ประยุทธ์-ประวิตร” ที่เข้าสู่อำนาจด้วยการยึดอำนาจ ทลายระบบพรรคการเมือง ตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องด้วยการตั้งพรรคการเมือง แล้วสานต่ออำนาจมานานกว่า 8 ปี
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- แนวโน้มราคาทองวันนี้ (25 มี.ค. 67) บทวิเคราะห์โดย YLG Bullion
บัดนี้ฝ่ายอนุรักษนิยม สับเปลี่ยนกำลัง เปลี่ยนตัวเล่น ด้วยการแยกพรรค ด้วยแนบรบคู่ขนาน พลังประชารัฐ (พปชร.) รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่นอกจากจะทำให้คะแนนนิยมหายไป ยังทำให้ทั้ง 2 พรรคเสื่อมลง
ทั้งพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ สร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยฐาน ส.ส.เดิม หาร 2 พรรค แล้วดึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ามาสมทบ กับเครือข่ายของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”
ลงสู่สนามเลือกตั้ง แบบทุบหม้อข้าว หวังคืนทำเนียบ ด้วยเสียง 250 ส.ว.อีกครั้ง
เสาที่สอง-เล่นจริงเจ็บจริง พูดแล้วทำทันที เป็นกลุ่ม ส.ส.นักเลือกตั้ง ที่หวัง ส.ส.ตัวเป็น ๆ ในสมัยหน้า ภายใต้ทีม+พวก พรรคภูมิใจไทย (ภท.)
ทำเกมการเมืองย้อนยุคสไตล์ “บรรหาร+ทักษิณ” รวบรวม ส.ส.ในสภา กลุ่มนักการเมือง นักธุรกิจ บ้านใหญ่ภูธร เข้าสังกัด วางตัวระดับเขต แบบจับตัววางตาย ด้วยการให้ทั้งผลตอบแทนเฉพาะหน้า และผลที่คาดว่าจะได้ในอนาคต มีโครงการเป็นรูปธรรม อย่างน้อยตอบโจทย์ “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีสถานีอนามัย” เก็บเกี่ยวดอกผลได้จนครบวาระ แบบไร้ร้อยต่อ-แนบเนียน
จึงเป็นเหตุให้เกิด มหกรรมการลาออก ของ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งเกือบครึ่งร้อย เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนุญ คือต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันนับจนถึงวันเลือกตั้ง กรณีครบวาระสภา หรือ 30 วัน กรณียุบสภา
การเมืองย้อนยุคไปเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนจึงปรากฏชัดขึ้น ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย
นักการเมืองที่ย้ายเข้าสู่การเมืองเสาที่สอง บอกสูตรการคัดตัวนักเลือกตั้ง ตีตั๋วเป็นฝ่ายรัฐบาลล่วงหน้า ต้องมีคุณสมบัติ 3 ข้อ 1. ฐานเสียงพื้นที่แข็งแรงนับหัวได้จริง คะแนนดิบระดับมีสิทธิชนะ 2. คนรุ่นใหม่ใจถึงมีฐานะด้านการเงิน 3. เป็นเจ้าของธุรกิจหรือทายาท เทียบชั้นเจ้าของสโมสรฟุตบอล
คาดว่าในเดือนมกราคม 2566 จะมีมหกรรมการย้ายพรรค ครั้งใหญ่อีกระลอก เพื่อหนีล็อกเส้นตาย เป็นสมาชิกพรรคใหม่ภายใน 30 วัน กรณีการยุบสภาเกิดขึ้น ก่อนหมดวาระ 24 มีนาคม 2566 เพียงไม่กี่วัน
ไม่ควรลืมว่า พรรคภูมิใจไทย มีเส้นทางจากการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ลากนักเลือกตั้งเข้าสภาได้ 34 คน ตกที่นั่งฝ่ายค้าน
การเลือกตั้งครั้งล่าสุด 24 มีนาคม 2562 ภูมิใจไทย ได้ ส.ส.เพิ่มเป็น 51 คน ด้วยคณิตศาสตร์การเมือง เป็นพรรคอันดับ 3 ที่เป็นตัวแปร-ตัวหลัก กำลังสำคัญของฝ่ายรัฐบาล
แต่ก่อนลงสู่สนามเลือกตั้ง 2566 ภูมิใจไทย รวบรวมกำลังพลนักเลือกตั้งไว้ในมือ ใน-นอกสภา กว่า 90 คน ตั้งหลักเป็นพรรคอันดับ 2 เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดรัฐบาลขั้วไดขั้วหนึ่งจะไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีสมการของภูมิใจไทยเข้าร่วมผสมโรง
เสาที่สาม ขั้วที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย แบ่งเป็น 2 พรรค หลัก คือ เพื่อไทย (พท.) และก้าวไกล (กก.) ที่พยายามขายไอเดีย เรื่องนโยบายประชานิยม ขั้นกว่า
เพื่อไทย เปิดทั้งหัวหลอก-หัวจริง ขึ้นชิงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ที่เห็นอาจจะไม่ใช่ ที่ใช่อาจจะยังไม่เห็น แม้แต่คนในพรรค อาจได้เห็นชื่อ แบบนาทีสุดท้าย คล้ายเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
น่าติดตามว่า “ทักษิณสไตล์” จะเปิดหัวใหม่ แก้โจทย์ฝ่ายปฏิปักษ์อนุรักษนิยม ได้มากน้อยเพียงใด
ส่วนพรรคก้าวไกล-ก้าวหน้า ยังเปิดหน้าสู้เรื่องตรงไปตรงมา ว่าด้วยการปฏิรูปทั่วด้าน ตั้งแต่ระบบราชการ-การเมือง-การปกครอง ไปถึงจนถึงสถาบันสูงสุด
เมื่อประชาชนต้องการทางออกจากกับดักปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ตั้งความหวังหลังการเลือกตั้งจะได้รัฐบาลแบบใหม่
แต่การเมืองเสาที่หนึ่ง อ่อนแรง-เสื่อมทรุด เสาที่สองปักหมุดเรื่องจำนวน ส.ส.เข้าเส้นชัย เสาที่สามต้องเบียดแข่งกันเอง ลูกหาบ+นางแบกเปิดหน้าต่อสู้ในสงครามตัวแทน แบบเอาเป็นเอาตาย
ผลการเลือกตั้ง จึงนับว่าท้าทาย…ทุกมิติ
- ประยุทธ์ VS ประวิตร ระดมท่อน้ำเลี้ยงแบ่งพรรค-แบ่งพวก
- ปัจจัยชี้ขาดประยุทธ์ เลือกแคนดิเดตนายกฯ รวมไทยสร้างชาติ ทิ้ง พปชร.
- ประยุทธ์ พลิกตำราทหารสู่การเมือง ถ่วงดุลอำนาจคุม 3 พรรคอนุรักษนิยม
- ประยุทธ์ ประวิตร ในเกมการข่าวลูกพรรค “ชิงหัว” แคนดิเดตนายกฯ
-
คณิตศาสตร์การเมือง – สมการตั้งรัฐบาล’66 ประยุทธ์ ท้าชิงนายกฯ สมัย 3