คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
นโยบายเร่งด่วนในเรื่องของการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ทั้งค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมัน ได้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ในข้อที่ว่ารัฐบาลจะทำได้จริงหรือไม่
เนื่องจากการดำเนินการครั้งนี้เป็นการ “ลด” ทันที ไม่ใช่การ “ตรึง” ราคาพลังงานเหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ตลอดจนความสงสัยในเรื่องของช่วงระยะเวลาในการลดราคาพลังงาน จะเป็นการลดถาวรหรือชั่วครั้งชั่วคราว หรือเพียงแค่การกระทำตามที่ได้หาเสียงไว้
กรณีของราคาพลังงานมีข้อเท็จจริงที่ว่า ประชาชนและภาคส่วนที่ใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ก๊าซ น้ำมัน จะเดือดร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อราคาพลังงานโลกขยับปรับตัวสูงขึ้น ข้อเท็จจริงข้อนี้ได้ดำรงอยู่ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ประสานเข้ากับการเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
โดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเลือกที่จะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ด้วยการ “ยกเว้น” การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เสียภาษีในอัตราลิตรละ 5 บาท ซึ่งภาษีสรรพสามิตจัดเป็น 1 ในโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล บวกเพิ่มเข้าไปจากราคาน้ำมัน ณ หน้าโรงกลั่น และใช้วิธีการนี้ต่อเนื่องมาด้วยการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีออกมาเรื่อย ๆ จนสิ้นสุด ณ เดือนกันยายนที่ผ่านมานี้
ขณะที่กรณีของค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากราคาก๊าซ LNG นำเข้ากับกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงในช่วงรอยต่อส่งผลให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือค่า Ft เพิ่มสูงขึ้นจนไปกระทบกับราคาขายไฟฟ้าให้กับภาคประชาชน โดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้เลือกวิธีให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.เป็นผู้แบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นแทนภาคประชาชน เพื่อให้ค่า Ft ในแต่ละงวดและค่าไฟฟ้าลดลง
การแบกรับภาระดังกล่าวส่งผลให้ กฟผ.เริ่มขาดสภาพคล่องและมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการชำระค่าเชื้อเพลิงที่แบกเอาไว้กลับคืนมา จนเป็นที่มาของการแบ่งจ่ายชำระคืน กฟผ.เป็นรายงวด ซึ่งบวกเพิ่มกลับเข้าไปในค่า Ft งวดที่ผ่านมาเช่นกัน
ดังนั้น นโยบายหาเสียงของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ว่า จะ “ลด” ค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำมันทันที จึงเป็นเรื่องน่าสงสัยว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เมื่อเทียบกับวิธีการของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาที่ส่งผ่าน “ภาระ” ตกค้างไว้
ทั้งในส่วนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังมีตัวเลขติดลบ กับภาระค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ.แบกรับไว้ในอดีตก็ยังไม่สามารถชำระคืนได้หมดสิ้น นอกเสียจากรัฐบาลจะหาแหล่งเงินเข้ามา “อุดหนุน” ทั้งราคาน้ำมันและราคาก๊าซผ่านวิธีการเดิม ๆ เพื่อหวังผลเฉพาะหน้าตามที่หาเสียงไว้