กัญชาพึ่งการเมือง

กัญชา
บทบรรณาธิการ

การปรับเปลี่ยนพืชกัญชาที่มีคุณสมบัติด้านลบให้มาเป็นบวกในประเทศไทย มาถึงจุดที่ปลดล็อกให้ประชาชนปลูกกัญชาและกัญชงใช้ได้เองตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 หลังได้รับแรงผลักดันจากภาคการเมืองเป็นพิเศษ จนคาดเดาได้ว่าจะเป็นประเด็นหาเสียงทางการเมืองในอนาคต

เพราะมูลค่าตลาดของกัญชาและกัญชงย่อมเพิ่มสูงขึ้น ตามรายงานกัญชาทั่วโลก หรือ The Global Cannabis Report ของกลุ่มที่ปรึกษาอุตสาหกรรมกัญชา Prohibition Partners ประเมินว่ามูลค่าตลาดกัญชาทั่วโลกภายในปี 2567 จะมีมูลค่ากว่า 1.03 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 3.5 ล้านล้านบาท

สำหรับไทยปลดล็อกการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย เพื่อเน้นประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ โดยหลังปลดล็อก คาดว่ามูลค่ากัญชาทางการแพทย์จะเกิน 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 และมูลค่าตลาดของกัญชาเพื่อสันทนาการจะสูง 14,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน

โอกาสที่ภาครัฐผลักดัน จึงเห็นได้ว่ารัฐมีกิจกรรมกระจายต้นกล้ากัญชา 1 ล้านต้นให้ประชาชนปลูกในครัวเรือนรวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกตามมาตรฐาน GAP เพื่อพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การปลดล็อกไม่ได้หมายความถึงกระบวนการที่เสรีและราบรื่น เพราะมีขั้นตอนและรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ประชาชนที่จะปลูกกัญชาใช้เอง หรือผู้ประกอบการที่ต้องการปลูกในเชิงพาณิชย์ แม้ไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” ขององค์การอาหารและยา หรือ อย. เป็นอย่างน้อย

กรณีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย ทั้งอาหารเครื่องสำอาง และยาสมุนไพร ยังคงต้องขออนุญาตจาก อย. ส่วนผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย ผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชงต้องขออนุญาตจากเลขาธิการ อย. หรือผู้ซึ่งเลขาฯ อย. มอบหมาย โดยใบอนุญาตแต่ละชนิดจะมีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท

นอกจากนี้ การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ กัญชา กัญชง และส่วนอื่น ๆ ของพืชต้องขออนุญาตนำเข้าตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 หากนำเข้าสารสกัดจากต่างประเทศ หรือหากสกัดพืชสองชนิดนี้เองเพื่อให้ได้สาร THC เกิน 0.2% จะจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด

ในทางปฏิบัติขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ นี้ จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับระบบราชการ ดังนั้น การทำธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ ควรต้องลดขั้นตอนความยุ่งยาก และอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรผู้ปลูกกัญชา และผู้ประกอบการธุรกิจกัญชา

การปลดล็อกจะมีความหมายเพียงใด ยังต้องอาศัยแรงผลักดันทางการเมืองเช่นกัน