วินิจ “แมว 9 ชีวิต” เปิดฉากตัวตนและความยาก BIG MATCH ศึกแดงเดือด

วินิจ เลิศรัตนชัย
เรื่อง : สองเราเคียงคู่

ในโอกาสครบรอบ 46 ปี ประชาชาติธุรกิจ บนเวทีสัมมนา “New Chapter เศรษฐกิจไทย” อดีตนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง และนักธุรกิจจัดคอนเสิร์ตที่มีผลงานโดดเด่น เจ้าของฉายาแมว 9 ชีวิต “วินิจ เลิศรัตนชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ได้ร่วมเป็นวิทยากรและพูดคุยกับ “หนุ่มเมืองจันท์-สรกล อดุลยานนท์” คอลัมนิสต์ชื่อดัง อดีตลูกหม้อเครือมติชน

ภายใต้หัวข้อ “วิธีทำธุรกิจแบบ Think Big” กับ THE MATCH เกมแห่งศักดิ์ศรี ศึกแดงเดือด “หงส์แดง VS ปีศาจแดง” ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 12 กรกฎาคม 2565

ชีวิตหนึ่งทำได้ครั้งเดียว

THE MATCH เป็นการพบกันของ “ทีมลิเวอร์พูล” กับ “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ที่เอเชียเป็นครั้งแรก และครั้งที่ 2 ของโลก ซึ่งทั้ง 2 ทีมจะแข่งขันกันนอกประเทศอังกฤษ การพบกันของคู่นี้มีความหมายมาก

ในรอบ 100 ปี ชีวิตหนึ่งจะทำได้ครั้งเดียว จากนั้นไม่รู้ใครจะได้ทำอีก ดังนั้น จึงยอมที่จะเสี่ยง และยอมที่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

แม้เรื่องนี้จะมีความเสี่ยงมหาศาล แต่ถ้าเรารอฟ้าเปิดแล้วค่อยดีล ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หรือรอให้โควิด-19 หมดแล้วค่อยเจรจา คนอื่นก็เอาไปหมด

“ไอเดียนี้เกิดขึ้นจากความที่ผมไม่ใช่นักธุรกิจ ถ้าเป็นนักธุรกิจไม่มีทางเกิดขึ้นเลยในเมืองไทย เพราะนักธุรกิจไม่มีสิทธิที่จะคิดแบบนี้เลย ทั้งเรื่องต้นทุนจะต้องเท่าไหร่ ความเสี่ยงเป็นอย่างไร สถานการณ์โควิดแบบนี้มีปัญหาไปหมด มีความเสี่ยงมาก ๆ” วินิจย้ำ

“ผมคิดว่าเมื่อถึงเวลาถ้าเสี่ยงแล้ว จบก็ต้องจบ ถ้าจะมาประคองว่า ทุกอย่างต้องเซฟก่อน หาสปอนเซอร์ก่อนแล้วค่อยเดิน ก็ไม่ต้องทำแล้ว”

มากกว่าฟุตบอลคือธุรกิจ

หากพูดถึงมูลค่าของโปรเจ็กต์ THE MATCH ต้องบอกว่า ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมกีฬาเกมเดียว แต่เป็นเกมที่สร้างปรากฏการณ์หลายเรื่อง อย่างเช่น บ้านเรากำลังจะรีสตาร์ต ประเทศกำลังจะเดินไปข้างหน้า เรากำลังจะสร้างความมั่นใจ กำลังจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวบ้านเรา ทำให้ GDP ของประเทศกลับมาเติบโต จากปัจจุบันเหลือแค่ 3-4% เราคิดเผื่อถึงสิ่งเหล่านี้ เป็นอานิสงส์ตามกันไป

“ผมเริ่มต้นดีลงานนี้เมื่อประมาณ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ตอนที่ลิเวอร์พูลกำลังจะได้แชมป์ในรอบ 30 ปี ปรากฏว่าเกิดโควิด เลยเก็บพับไว้ก่อน พอเดือนกันยายน 2564 ก็มาคุยกันใหม่ ปรากฏว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นความยากหลายเรื่อง (เน้นเสียง) ต้องใช้ต้นทุนสูงมาก” วินิจกล่าว

แต่โชคและความพยายามก็เข้าข้างเขา เพราะดีลสำเร็จ ซึ่งการเตรียมการสำหรับศึกแดงเดือดครั้งนี้ “วินิจ” บอกด้วยเสียงภูมิใจว่า จะมีผู้เล่นระดับบิ๊กเนม, CEO และ owner รวมถึงแขก วี.ไอ.พี.ของทั้ง 2 สโมสรจะเดินทางมาประเทศไทยด้วย ทำให้ทางเฟรชแอร์ฯต้องเตรียมขั้นตอนให้ได้มาตรฐานตรงตามความต้องการ

ตั้งแต่เรื่อง security การกินอยู่ การนอน คิดละเอียดถึงขั้นที่ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดื่มเครื่องดื่มสมูตตี้ ก็ต้องไปดูว่าใช้ผลไม้อะไรบ้าง เครื่องปั่นต้องเป็นยี่ห้อไหน กำลังวัตต์ในการปั่นสมูตตี้ต้องแค่ไหน เพื่อให้มีความละเอียดเท่ากับที่โรนัลโด้ดื่มเป็นประจำ แล้วในตู้เย็นต้องมีอะไรบ้าง ในโรงแรมที่พักต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เราต้องคิดและทำละเอียดถึงขนาดนี้

Old Trafford in Manchester (Photo by Oli SCARFF / AFP)
Old Trafford in Manchester (Photo by Paul ELLIS / AFP)
Anfield Stadium, in LiverpoolPhoto by Oli SCARFF / AFP)

พลิกโฉมสนามแข่ง-ทั่วโลกแห่ซื้อลิขสิทธิ์

ส่วนสถานที่แข่งขัน “สนามราชมังคลากีฬาสถาน” มีการทำล็อกเกอร์รูม และ executive lounge ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากเดิม executive lounge จุคนได้เพียง 100 คน ก็ต้องสร้างใหม่ให้จุคนได้จำนวน 1,000 คนได้ เพื่อรองรับแขก วี.ไอ.พี.ทั้ง 2 ทีมได้เพียงพอ

ล่าสุด ทีมงานทั้ง 2 ทีมได้เดินทางมาตรวจสอบสนามแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 โดยมีการทดสอบสนามซ้อม เช่น สนามหญ้าต้องใช้นิ้วกดลงไปในใต้ดิน วัดระดับชั้นดินว่าลึกขนาดไหน ความชื้นแค่ไหน ฝรั่งสามารถบอกได้เลยว่าระบบระบายน้ำ เมื่อฝนตกระดับไหน น้ำจะระบายออกไปได้อย่างไร น้ำจะนองบนผิวสนามหรือไม่ จะมีวิธีการบริหารจัดการอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของรายละเอียดที่จะทำให้เป็นความยาก

เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมกีฬาอย่างเดียว แต่ยังเป็นที่ชุมนุม เป็นที่เจรจาของธุรกิจ เป็นหน้าตา และอีกหลาย ๆ อย่างที่จะตามมา

นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด

“วินิจ” เชื่อว่า THE MATCH จะเป็น soft power ให้กับประเทศไทยได้ เพราะนอกจากจะเป็นการโคจรมาพบกันของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับลิเวอร์พูลแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่เมืองไทยมีการถ่ายทอดสดเกมนี้ไปสู่ต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งขณะนี้มีการซื้อลิขสิทธิ์แล้วเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม แม้ THE MATCH จะเป็นอีเวนต์กีฬา แต่หลังจากที่เกมนี้ผ่านไป “วินิจ” มองว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย อีเวนต์นี้มีสเกลที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่ทำมา รวมถึงการลงรายละเอียด

โปรโฟล์-บิ๊กโปรเจ็กต์ทำให้สอบผ่าน

ซึ่งก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะตัดสินใจมาแข่งที่ประเทศไทย เขาต้องดับเบิลเช็กว่า วินิจทำอะไรมาก่อน เฟรชแอร์ฯทำอะไรมาบ้าง มีศักยภาพพอหรือไม่ที่จะบริหารจัดการงานใหญ่ขนาดนี้

“เราก็ต้องตอบว่า เราทำอะไรมาบ้าง เราทำพระที่นั่งอนันตสมาคมที่มีคนดู 3,600,000 คนใน 9 วัน 18 รอบ เราทำงานเคานต์ดาวน์ที่ไอคอนสยาม 3 ปี เราทำเคานต์ดาวน์ ณ วัดอรุณฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทำให้งานเคานต์ดาวน์ในประเทศไทยอยู่ในปฏิทินโลก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แค่นี้พอไหม”

“ผมทำงานพิธีสวนสนามที่ค่ายอดิศรก่อนโควิดจะมา ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯเป็นครั้งแรกในรัชสมัย นี่คืองานที่เป็นสเกลที่ต้องบริหารจัดการเครื่องบินรบเป็นฝูง เฮลิคอปเตอร์เป็นฝูง ทหารอีก 20,000 คน สเกลงานนี้ผมทำได้ ทั้งหมดคือเหตุผลที่แมนฯยูฯ และลิเวอร์พูลตัดสินใจมา” วินิจกล่าว

นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด

สำหรับดรีมโปรเจ็กต์ต่อไป ตอนนี้มีให้เลือกมากมาย เช่น แมตช์เอลกลาซิโก้ มาดริด-บาร์เซโลนา แมตช์บาเยิร์น-ดอร์ตมุนด์ และงานอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยทำ รวมถึงความโชคดีส่วนหนึ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัท IMG ซึ่งเป็นบริษัทลิขสิทธิ์ระดับโลกที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งกอล์ฟ อเมริกันฟุตบอล NBA Premiere Chip ซึ่ง IMG รับหน้าที่ทำโปรดักชั่นงานนี้ แล้วก็ถ่ายทอดไปทั่วโลก

นอกจากนี้ก็มีโปรเจ็กต์ทำงานร่วมกันอีกหลายงาน เพราะความเชื่อมั่น ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่เฉพาะกีฬา ยังมีเรื่องอื่นที่เกิดขึ้นได้อีกในสังคมไทย

“ผมเป็นนักธุรกิจนิดเดียว จะบอกว่าผมทำธุรกิจไม่เป็นก็ได้ ถ้าตำราทุกเล่มว่าอย่างไร วิธีที่ผมทำ ผมฉีกตำราทุกเล่มที่ควรจะมี ที่ควรจะทำตาม บางเรื่องผมก็ไม่ได้บอกว่า ตำราจะทำให้ก่อเกิดได้เสมอไป”


“ผมไม่ชอบเดินซ้ำใคร เป็นเนเจอร์ของผม ถ้าอะไรใหญ่ ผมก็เล็ก ถ้าอะไรเล็ก ผมจะใหญ่ ถ้าเดินไปแล้ว เหมือนกันหรือซ้ำกัน คงไม่สนุก” วินิจกล่าวทิ้งท้ายถึงตัวตน