ไม้ยืนต้นสร้างหลักประกันธุรกิจ พาณิชย์ ผนึกกรมป่าไม้-ธ.ก.ส.หนุนปลูกป่ามีค่า

ไม้ยืนต้นสร้างหลักประกันธุรกิจ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธ.ก.ส.และกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ให้ความรู้ชุมชน นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ล่าสุดนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันแล้ว จำนวน 146,282 ต้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 137 ล้านบาท

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 นางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาไม้ยืนต้นหลักประกันทางธุรกิจ ณ ชุมชนบ้านบัวเทิง หมู่ที่ 4 ตำบลท่าช้าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ว่า กรมร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านบัวเทิง จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ความรู้พร้อมเชิญชวนสมาชิกวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่นำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอนาคต

รวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ
รวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ

“กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจที่กรมผลักดันเพื่อให้สามารถช่วยแก้ปัญหาด้านการเงิน แหล่งเงินทุนให้แก่เกษตรกร สมาชิกวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และไมโครเอสเอ็มอี โดยใช้ไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน”

ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของการลงพื้นที่ คือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน “ปลูกไม้มีค่า” ตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้สร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินทำกิน พัฒนาชุมชนให้เป็น “ชุมชนไม้มีค่า” เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนแก่ครอบครัวและชุมชน ช่วยลดปัญหาความยากจน/ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และใช้ประโยชน์จากไม้ยืนต้นที่ปลูกอย่างเต็มที่ เชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะท้ายที่สุดผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยตรงก็คือคนในชุมชนนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังได้มีการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ภายใต้โครงการสัมมนา “ไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ” ซึ่งมีเกษตรกรและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมงานกว่า 70 ราย รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในการทำปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประชาชน ทั้งนี้ พบว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความตื่นตัวและต้องการทราบรายละเอียดการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งตรงตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ในครั้งนี้

ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายประเภทที่สามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เช่น กิจการ สิทธิเรียกร้อง สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ (เช่น สินค้า คงคลัง และวัตถุดิบ) ฯลฯ และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 กำหนดให้ “ไม้ยืนต้น” เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันได้ ส่งผลดีทั้งต่อสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อ โดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน

ข้อมูล ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2565 มีการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 146,282 ต้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 137 ล้านบาท แบ่งเป็น ธ.กรุงไทย จำนวน 23,000 ต้น มูลค่า 128 ล้านบาท ธ.ก.ส. จำนวน 318 ต้น มูลค่า 3 ล้านบาท สถาบันการเงินรายย่อย (พิโกไฟแนนซ์) จำนวน 122,964 ต้น มูลค่า 6 ล้านบาท