
รู้ไว้ก่อนจะ “รู้งี้” เปิด 10 ข้อควรรู้ ก่อนนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน มาที่ประเทศไทย
วันที่ 2 มีนาคม 2566 หลายคนอาจจะกำลังติดตามข่าวประเด็นร้อนเรื่องการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายอาหารนำเข้าจากจีนในเขตกรุงเทพฯหลายแห่ง พบว่ามีอาหารและเครื่องดื่มจำนวนหลายรายการแสดงฉลากอาหารไม่ถูกต้อง ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่มีเลขสารบบอาหาร จึงได้ยึดอายัดสินค้าดังกล่าวมากกว่า 120 รายการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
- อนุทินอัพเดตทรัพย์สินภรรยาคนที่ 3 “วธนนนท์” ค้างค่าหย่าภรรยาคนที่ 2
- STARK สะเทือนตลาดหุ้นกู้ นักลงทุนเกือบ 5 พันรายช็อกเจอเบี้ยวหนี้
- เปิดภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดถนนวิภาวดีรังสิต
ประเด็นนี้ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจอาจจะกังวลว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมขั้นตอนนำเข้าสินค้าจากจีนตามกฎหมาย ให้ดังนี้
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า สินค้าบางประเภท เช่น อาหาร ยาวิตามิน เครื่องสำอาง ต้องยื่นคำขอนำเข้า ณ ด่านอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนนำเข้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย
เนื่องจากสินค้าบางประเภท เป็นสินค้าที่ถูกกำหนดมาอย่างเข้มงวด และการมีหนังสือรับรองการอนุญาตนำเข้าจาก อย. จะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สินค้านั้นได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบมาอย่างรัดกุม
สำหรับเอกสารและการเตรียมยื่นคำขอต่อ อย. เพื่อนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ประกอบด้วย
1.ผู้นำเข้าต้องยื่น แบบคำขออนุญาตนำเข้าสินค้าชนิดนั้น ๆ โดยสามารถคลิกและพิมพ์แบบคำขอได้จาก กองด่านอาหารและยา
2.เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น หนังสือชี้แจงวัตถุประสงค์การนำเข้า
3. เตรียมบัญชีราคาสินค้า (Invoice) หรือใบตราส่งสินค้า (Air Waybill/Bill of Lading/Notification to Collect International Postal Items)
4. เตรียมสำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนแสดงวัตถุประสงค์ และผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติบุคคล ซึ่งออกมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน
5.ในกรณีดำเนินการแทน ให้แนบหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน ติดอากรแสตมป์ 10 บาท พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
6. เอกสารเพิ่มเติมประกอบการยื่นขอ อาจมีความแตกต่างกันตามประเภทของสินค้า
7.เอกสารทุกใบต้องลงลายมือชื่อจริงทุกฉบับ
8.ส่วนกรณีนำเข้าเครื่องสำอาง ต้องมีสถานที่เก็บสินค้า เอกสารของผู้ผลิต เช่น ส่วนผสม และใบรับรองต่าง ๆ ก่อนไปขออนุญาต อย.
ขั้นตอนเมื่อได้ใบอนุญาต อย.
9.หลังจากได้รับใบอนุญาต อย. แล้ว ผู้นำเข้าต้องจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากจีน/หรือมอบหมายให้บริษัทชิปปิ้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าแทน หลังจากนั้น แสดงหลักฐาน ณ ด่านตรวจสินค้า เพื่อจัดการให้ผ่านด่าน อย. ก่อนจะไปตรวจปล่อยสินค้ากับนายตรวจได้
10. การผ่านด่านตรวจสินค้านี้ ผู้นำเข้าต้องนำสินค้าตัวจริงกับใบอนุญาตไปยื่นที่ด่าน หากสินค้ากับใบอนุญาตตรงกัน ก็สามารถผ่านด่านได้ฉลุย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบของการผ่านด่าน อย. คือ สินค้าไม่ตรงกับการขออนุญาตไว้ เช่น ฉลากไม่ตรง ยี่ห้อสินค้าไม่ตรง ตลอดจนการระบุข้อมูลผิดพลาด ดังนั้น สิ่งที่ต้องระวังคือ วัตถุประสงค์ของการนำเข้าสินค้ากับการกรอกข้อมูล ควรจะตรงกัน อาทิ
กรณีนำเข้าเครื่องมือแพทย์ เพื่อใช้เฉพาะตัว ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เฉพาะตัวเท่านั้น ไม่นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย และจะต้องแสดงรายละเอียดเครื่องมือแพทย์ที่นำเข้า รวมทั้งแสดงใบรับรองแพทย์ ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ เพื่อรับรองว่าผู้นำเข้าจำเป็นต้องใช้เครื่องมือแพทย์ดังกล่าว
หรือกรณีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการพิจารณาสั่งซื้อ หรือเพื่อใช้เฉพาะตัว จะต้องรับรองว่าจะไม่นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย จำกัดจำนวนนำเข้าตามหลักเกณฑ์
หรือกรณีนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อบริโภคเอง จะต้องมีจำนวนในการบริโภค ไม่เกิน 30 วัน และมีวัตถุประสงค์การนำเข้าเพื่อการบริโภคเท่านั้น ไม่นำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย เป็นต้น
หากผ่านด่าน อย. มาได้แล้ว ก็เท่ากับว่าสินค้าที่นำเข้าจากจีนนั้น ตรงตามที่จดแจ้งไว้อย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจปล่อยตามปกติ
ทั้งนี้ หากสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน อย. โทร. 1556 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-16.30 น.