ซีอีโอไทยออยล์มองธุรกิจน้ำมัน หลังบางจากควบรวมเอสโซ่ ถึง SPRC-คาลเท็กซ์

บัณฑิต ธรรมประจำจิต
บัณฑิต ธรรมประจำจิต

ซีอีโอไทยออยล์ “บัณฑิต ธรรมประจำจิต” มองธุรกิจน้ำมัน หลังดีลควบรวมบางจาก-เอสโซ่ ถึง SPRC-คาลเท็กซ์ ชี้ธุรกิจการกลั่นไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ คาดอนาคตธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและรีเทลแข่งขันกันมากขึ้น

วันที่ 8 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงกลั่นไทยหลังจากที่มีการควบรวมธุรกิจ 2 คู่ ระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 65.99% ของหุ้นทั้งหมดของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. หรือ ExxonMobil และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น เพื่อเข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ธุรกิจการกลั่นไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะการควบรวมเป็นเพียงการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นแต่กำลังการกลั่นของประเทศไทยยังคงเดิม ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการกลั่นด้วย แต่ก็เป็นไปได้ว่าหลังจากควบรวมแล้วธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและรีเทลจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น

“ในส่วนของไทยออยล์ ยังเป็นท็อปเทียร์ของอุตสาหกรรม ความสามารถในการแข่งขันยังเป็นไปได้ แต่จะมีข้อดีการที่เรามีเพื่อนบ้านใหม่ที่ศรีราชา เราก็น่าจะเป็นโอกาสของการ synergy อะไรบางอย่างร่วมกับบริษัทได้ ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต การจัดหาวัตถุดิบน้ำมันดิบ หรือการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสและประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในอนาคต”

ส่วนประเด็นเรื่องอำนาจต่อรองของบริษัทที่ควบรวมแล้วจะเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น มองว่าตลาดนี้เป็นตลาดการค้าเสรี ฉะนั้น ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของ demand supply ถ้าเขาไม่ซื้อเราก็สามารถที่จะไปนำเข้าได้ แต่ที่ผ่านมาเปรียบเทียบแล้วราคานำเข้า เช่น ดีเซล สูงกว่าราคาที่ขายภายในประเทศเสียอีก

“อยู่ที่ว่าหลังจากควบรวมแล้วจะมีการเพิ่มปริมาณการกลั่นหรือไม่ ถ้าไม่เพิ่มปริมาณการกลั่นแล้วความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลทำให้ราคาขยับสูงขึ้น และที่ผ่านมาของไทยออยล์ก็ต่างจากลูกค้าของบางจาก เรามีการจำหน่ายน้ำมันให้ลูกค้าของเราคือ OR และ PT เป็นลูกค้าที่มีความผูกพันกันมายาวนาน ซึ่งเราเชื่อว่า discount premium ของน้ำมันยังไม่อยู่ที่การเปลี่ยนผู้ถือหุ้น”