
“ภูมิธรรม” สั่งการกรมการค้าภายในเกาะติดสินค้าเกษตรสำคัญ ขอดูแลข้าวเป็นพิเศษ รวมถึงมันสำปะหลัง ข้าวโพด และปาล์มน้ำมัน วางแผนรับมือผลไม้ล่วงหน้า อย่าให้เกิดปัญหาแล้วตามแก้ ด้านผู้ส่งออกข้าวชี้ส่งออกข้าวไทยปี 2566 คาด 8.3 ล้านตัน โอกาสขึ้นแท่นอันดับ 2
วันที่ 11 ตุลาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกรมการค้าภายในว่า ได้มอบนโยบายให้ติดตามสถานการณ์สินค้าข้าวอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเป็นห่วงผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่อาจจะทำให้กระทบต่อผลผลิตข้าว รวมไปถึงพืชอื่น ๆ ที่อาจจะลากยาวไป 3 ปี และอินเดียยังห้ามการส่งออกข้าวขาว โดยให้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อติดตามทั้งสถานการณ์การผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศที่จะต้องมีความสมดุลทุกภาคส่วน
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
“ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายสำคัญของโลก ต้องไปบริหารจัดการให้ดี ทั้งเรื่องข้าวบริโภคในประเทศ เรื่องส่งออก ต้องบริหารให้สมดุล อย่าให้พูดได้ว่าไทยเป็นผู้ผลิตข้าว แล้วมีปัญหาขาดแคลนเอง โดยเท่าที่ดูและติดตามตอนนี้ ไม่มีสัญญาณผิดปกติอะไร แค่เป็นห่วงไว้เฉย ๆ ก็ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไป ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมา” นายภูมิธรรมกล่าว
ดังนั้น จึงต้องบริหารและจัดการให้มีความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ไทยแม้จะเป็นประเทศที่ปลูกพืชผลการเกษตรได้ แต่มีปริมาณไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในเสียเอง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ใช้นโยบายห้ามการส่งออกสินค้าเกษตร แม้ช่วงนี้ราคาตลาดพืชเศรษฐกิจในตลาดโลกดีต่อเนื่อง แต่สินค้าเกษตรส่วนใหญ่จะขึ้นและลงเร็ว ดังนั้น จะหวังแต่ราคาเพียงอย่างเดียวไม่ให้ คงต้องดูให้สินค้าเกษตรภายในประเทศมีเพียงพอไม่ขาดแคลนด้วย ซึ่งในบ่ายวันนี้ ได้พบกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยก็จะขอให้ภาคเอกชนด้วยกันดูในเรื่องของปริมาณสินค้าข้าวด้วย อย่าหวังแต่เรื่องของราคาข้าวสูงเพียงอย่างเดียว รวมถึงจะนำเรื่องข้อกังวลนี้ไปหารือทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมต่าง ๆด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังขอให้เตรียมแผนและมาตรการรับมือสินค้าเกษตรอื่น ๆ ด้วย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จะต้องติดตามให้ดี เพราะถ้ามีปัญหา ก็จะกระทบต่อการผลิตอาหารสัตว์ มันสำปะหลัง ที่ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการอยู่แล้ว ต้องติดตามด้วย ส่วนปาล์มน้ำมัน ตอนนี้สถานการณ์ยังดี ไม่มีปัญหา แต่อย่าประมาท
สำหรับผลไม้ ขอให้วางแผนล่วงหน้า ต้องทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัด ทำการสำรวจ และติดตามสถานการณ์ เพราะรู้อยู่แล้วว่าผลผลิตจะออกช่วงไหน ต้องทำงานเชิงรุก อย่าให้มีปัญหาแล้วถึงค่อยไปแก้ และต้องหารูปแบบและวิธีการใหม่ ๆ ที่จะช่วยระบายผลไม้ ซึ่งวิธีการเดิมที่ทำอยู่ เช่น ระบายผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน ก็ดีอยู่แล้ว แต่ต้องเพิ่ม เช่น การขายออนไลน์ ที่จะต้องมีมากขึ้น และยังต้องเข้าไปคุมเข้มในเรื่องคุณภาพให้ดีด้วย
ขณะเดียวกัน ให้เตรียมความพร้อมในการประสานนำร้านธงฟ้า ตลาดต้องชม ฟาร์มเอาต์เลต หมู่บ้านทำมาค้าขาย เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการซื้อสินค้า เพราะรัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้แน่นอน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ รวมทั้งให้ไปมอนิเตอร์สินค้าที่มีการประกาศลดราคาไปก่อนหน้านี้ มีการปรับลดราคาลงจริงหรือไม่ ประชาชนรู้สึกว่าลดจริงหรือไม่ ไม่ใช่แค่ประกาศลด แต่ไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามันจริง เพราะถ้าประชาชนรู้สึก จะถือเป็นความสำเร็จในการช่วยลดภาระค่าครองชีพ