หวั่นเหตุ อิหร่าน-อิสราเอล ดันราคาน้ำมันพุ่ง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

สนค.รายงานสถานการณ์เหตุการโจมตี อิหร่าน-อิสราเอล ต่อ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ชี้เหตุที่เกิดขึ้นหวั่นกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน ต้นทุนราคาพลังงานโอกาสพุ่งขึ้น 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากการปิดช่องแคบฮอร์มุส

วันที่ 14 เมษายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สำนักงานนโยบายยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ถึงกรณีเหตุการโจมตีระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล เมื่อวันเสาร์ ที่ 13 เมษายน 2567 ซึ่งเปิดฉากโจมตีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อิสราเอลถล่มสถานทูตอิหร่านในประเทศซีเรียเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา

จากสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เกิดขึ้น และอยู่ในภาวะตึงเครียดหลังอิหร่านและอิสราเอลเริ่มเผชิญหน้ากันโดยตรง สร้างความกังวลว่า อิหร่านในฐานะผู้คุมเส้นทางการขนส่งน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย อาจตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุส (Hormuz) เพื่อตอบโต้อิสราเอลและพันธมิตรชาติตะวันตกโดยช่องแคบฮอร์มุส เป็นช่องแคบที่สำคัญในการเดินเรือเพื่อส่งออกสินค้าสำคัญของประเทศที่ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเกือบหมดในตะวันออกกลางทั้งซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน กาตาร์และคูเวต

โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ ระบุว่าในปี 2565 ช่องแคบฮอร์มุส ถูกใช้เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันวันละ 21 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 21% ของปริมาณการขนส่งน้ำมันทั่วโลกในแต่ละวัน

ดังนั้น หากน้ำมันไม่สามารถขนส่งผ่านจุดดังกล่าวแม้เพียงชั่วคราว อาจนำไปสู่ความล่าช้าในการจัดหาน้ำมันและทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน โอเปกได้ขยายการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อรักษาเสถียรภาพ ของตลาดทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากการโจมตีของอิหร่านส่งผลให้เกิดสงครามที่กว้างขวางขึ้นราคาพลังงานอาจสูงขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้กับเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะลอตัว

ขณะที่ ผลกระทบต่อไทยซึ่งเป็นประเทศที่อาศัยการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาอุปทานน้ำมันดิบ อีกทั้ง ยังกระทบต่อการขนส่งสินค้าไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเข้าผ่านทางช่องแคบฮอร์มุสด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์ต่อไป