ส่งออกข้าวคึก 2 เดือนแรก ปี65 ทะลุ 1.1 ล้านตัน รง.อาหารสัตว์แย่งซื้อ

ส่งออกข้าว

ส่งออกข้าวคึก 2 เดือนแรก ปี 65 ทะลุ 1.1 ล้านตัน ทั้งรง.อาหารสัตว์แย่งซื้อดันราคาปลายข้าวในประเทศขยับเทียบเท่าข้าวโพด กก.ละ 11-12 บาท

วันที่ 23 มีนาคม 2565 ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า ขณะนี้ตลาดข้าวคึกคักมาก ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) 2565 ไทยส่งออกข้าวได้ 1.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 829,277 ตัน เพราะผู้ส่งออกต้องเร่งซื้อข้าวเพื่อส่งมอบ ผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้นมาก

ซึ่งอาจจะมีผลต่อการปรับค่าระวางเรือรอบใหม่ จากก่อนหน้านี้ค่าระวางก็ขยับขึ้นไปแล้ว 5-6 เท่าตัว ทำให้ผู้นำเข้าข้าวไทยเร่งรัดให้ผู้ส่งออกเร่งส่งออกข้าวเร็วขึ้นจากที่ตกลงรับมอบไว้ เพื่อไม่ต้องการแบกรับภาระปรับค่าระวางเรือที่ปรับใหม่อีกรอบ

และขณะนี้ค่าระวางเรือแบบเทกองเส้นทางไปแอฟริกาปรับขึ้นจาก 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 100 เหรียญสหรัฐต่อตันหรือปรับขึ้น20% ไปแล้ว ตลาดนี้มีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 50-60%

“ตอนนี้กำลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง ตลาดข้าวคึกคักขึ้นมาพอดี เพราะผู้ส่งออกต้องเร่งซื้อข้าวส่งมอบก่อนที่จะมีการปรับค่าระวาง ทำให้ต้องแย่งกันซื้อข้าวในตลาดราคาขยับขึ้น ประกอบกับเรื่องสงครามทำให้ราคาธัญพืชสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวสาลีปรับสูงขึ้น ราคาข้าวสาลีสูงกว่าปลายข้าวและข้าวโพด เช่น ปกติข้าวโพดกก.ละ 8-12 บาท ปลายข้าวกก.ละ 10-11 บาท ห่างกัน 2 บาท ตอนนี้ขยับมาใกล้กัน”

อย่างไรก็ตาม ยังห่วงว่าสถานการณ์ราคาข้าวขยับฐานสูงขึ้น ทั้งจากต้นทุนการผลิต ค่าไฟ ค่าแรงงานอาจจะส่งผลต่อเรื่องเงินเฟ้อ เพราะไทยต้องนำเข้าน้ำมันถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจะควบคุมได้ แต่ต้องมีการวางกลไกในการช่วยเหลือเกษตรกร

โดยรัฐบาลควรพิจารณาปรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร จากปัจจุบันที่ใช้ประกันรายได้ ต้องปรับเป็นไปช่วยเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายตรงให้กับชาวนา เพื่อดูแลภาระค่าครองชีพ เพราะหากรัฐใช้มาตรการตรึงราคาสินค้าปลายทางไม่ให้ปรับขึ้นตามต้นทุนก็อาจจะส่งผลให้สินค้าหายไปจากตลาด เพราะผู้ผลิตอาจจะไม่สามารถผลิตได้

ด้านนายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง แบรนด์ “มาบุญครอง” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

ขณะนี้ ต้นวัตถุดิบ และต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการข้าวถุงปรับสูงขึ้นจากราคาน้ำมันสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการข้าวถุงส่วนใหญ่ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา เป็นผลมาจากการแข่งขันในตลาดข้าวถุงค่อนข้างสูง ประกอบกับมีผู้เล่นในตลาดมีเพิ่มขึ้นและมีพันธุ์ข้าวชนิดใหม่เข้ามาในตลาด อย่างข้าวพันธุ์หอมพวง ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าข้าวขาวรองจากข้าวหอมปทุม ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการเดิมยังคงต้องตรึงราคา พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายไว้เพื่อรักษาตลาด

“แม้แนวโน้มด้านต้นทุนสูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังคงราคา เช่น ข้าวถุง 5 กิโลกรัมทั้งข้าวขาว จำหน่ายถุงละ 70-80 บาท ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัมเฉลี่ยถุงละ 140-150 บาท ข้าวหอมพวงถุงละ 120 บาท โดยราคาในตลาดยังคงทรงตัวไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา


นอกจากการแข่งขันที่สูงส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ขึ้นราคา โดยอาศัยการจัดทำโปรโมชั่น ส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้ออย่างข้าวหอมมะลิตรามาบุญครองเพิ่งจัดโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ข้าวถุง 5 กิโลกรัม เมื่อ 22 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา”