ตรวจสอบอาจารย์ซื้องานวิจัย 109 ราย ใน 33 มหา’ลัย พบผิดจริง 9 ราย

หนังสือ งานวิจัย
ภาพจาก : pixabay

กระทรวง อว.เผยความคืบหน้ามหาวิทยาลัยตรวจสอบวินัยอาจารย์ซื้องานวิจัย 109 ราย ในมหาวิทยาลัย 33 แห่ง พบผิดจริง 9 ราย พ้นข้อกล่าวหา 21 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม 

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 มติชนรายงานว่า นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบข้อเท็จจริงพฤติกรรมการซื้อขายงานวิจัย หรือการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการของอาจารย์ภายในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ

ภายหลังจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้ดำเนินการตรวจสอบอาจารย์ หรือนักวิจัยในสังกัดว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการผิดจรรยาบรรณ การเผยแพร่ผลงานจากการซื้อผลงานตีพิมพ์งานวิจัย ให้ อว.รับทราบ และพบว่ามีบุคลากรที่มีข้อสังเกตเข้าข่ายในการผิดจรรยาบรรณการตีพิมพ์ผลงานวิจัยจำนวนหลายสิบราย

“กรณีที่อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งมีพฤติกรรมในการซื้อผลงานวิจัยของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง เรื่องนี้ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงทางจริยธรรมการวิจัย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทาง อว.ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โดยได้แจ้งให้มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องทุกแห่งตรวจสอบว่ามีอาจารย์ หรือนักวิจัยที่กระทำผิดต่อพฤติกรรมต้องห้ามหรือไม่

มหาวิทยาลัยได้รายงานผลการตรวจสอบมาให้ทาง อว.เป็นระยะ ๆ ประกอบกับ อว.มีกลไกภายในเช่นกัน โดยสำนักงานปลัด อว.ได้ผลักดันสืบค้นทั้งในส่วนที่เป็นข้อมูลที่เปิดเผย และข้อมูลที่มีการแจ้งมาทาง อว.โดยตรง 

ขณะนี้ อว.ได้แจ้งมหาวิทยาลัยทั้งหมด 33 แห่ง ว่ามีนักวิชาการที่ต้องถูกตรวจสอบจำนวน 109 คน ตามรายงานล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม พบว่ามีอาจารย์ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว และเข้าข่ายว่ามีพฤติกรรมในการซื้องานวิจัยจริง 

โดยมหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่กระทำผิดแล้ว 9 คน และมีนักวิชาการที่ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา 21 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ อว.จะดำเนินการสืบหาความจริงอย่างต่อเนื่อง”

นพ.สิริฤกษ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ออกประกาศกรณีมีบุคลากรในสังกัด 1 รายมีพฤติการณ์ว่ามีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีความผิดปกติจนเกิดความเสียหาย และผลการตรวจสอบพบว่ามีพฤติการณ์กระทำผิดวินัยร้ายแรงจริง

โดยได้ลงโทษทางวินัยร้ายแรง และพ้นจากการเป็นบุคลากรของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้วนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี และขอชื่นชมทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ทั้งนี้ ถ้า อว.มีข้อมูลเพิ่มเติมก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป