อว. จัดระเบียบทุนการศึกษาใหม่ พลิกโฉมไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้วใน 10 ปี

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จัดระเบียบการให้ทุนการศึกษา เน้นสร้างกำลังคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้า 10 ปี พลิกโฉมไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยเอไอ บิ๊กดาต้า ควอนตัมคอมพิวติ้ง รวมทั้งด้านสังคมศาสตร์และวิทยาการต่าง ๆ 

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการทุนพัฒนากำลังคนการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศ ครั้งที่ 1/2564 โดยในที่ประชุม ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว.เป็นกระทรวงหลักที่รับผิดชอบในเรื่องทุนการศึกษากว่า 60% ที่ได้งบประมาณจากภาครัฐทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ 


ทั้งนี้ ต้องถือว่าการจัดสรรทุนเป็นการเตรียมคน สร้างคนเพื่อพาประเทศไปสู่เป้าหมาย ซึ่งมีความสำคัญไม่ต่างจากการให้ทุนทำวิจัยและนวัตกรรม โดยเน้นเรื่องของการสร้างกำลังคน ซึ่งจะต้องทำให้ทุนการศึกษานั้นไปสร้างคนที่จะช่วยให้ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วเหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ภายในเวลา 10 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ที่กำหนดไว้ 20 ปี แต่ อว.จะต้องทำให้ได้โดยใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นความท้าทาย

โดย อว.จะต้องมีจุดโฟกัส (focus) การจัดลำดับความสำคัญ (priority) รวมทั้งทางเลี่ยงหรือทางลัด (by-pass) เราจะไม่เดินตามเส้นทางเดิม ต้องจัดสรรทุนเพื่อสร้างกำลังคนทั้งปริมาณ และคุณภาพที่ไปขับเคลื่อนเป้าหมายหลักของประเทศ ต้องมีการก้าวกระโดดใหญ่ ๆ เช่น เน้นในเรื่องของ BCG แล้วเอามาใช้เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ที่เน้นในเรื่องของเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ เรื่องบิ๊กดาต้า หรือข้อมูลขนาดใหญ่ เรื่องของควอนตัมคอมพิวติ้ง เป็นต้น ทุนการศึกษาของประเทศที่ อว.ให้จะต้องส่งไปเรียนจนสามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยงานวิจัยทางการแพทย์ได้ และไม่ใช่การแพทย์และสาธารณสุขแบบเดิม แต่ต้องก้าวกระโดดใหญ่ ๆ ต้องส่งคนไปเรียนในสาขาที่จะทำให้ประเทศไทยไปได้ดีขึ้น

“เราต้องสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะไปช่วยสร้างสังคมในอนาคต รักประเทศ เยาวชนรุ่นใหม่จะช่วยสร้างสังคมและการเรียนรู้ เป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเทียบกับนานาอารยประเทศต่าง ๆ ได้  ต้องรู้เท่าทัน ฉับพลัน รู้จักภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิยุทธศาสตร์ พร้อมกันนั้นเราต้องให้ทุนและส่งคนไปเรียนทางในศาสตร์ที่ตื่นรู้ ทั้งด้านศิลปะ ดนตรี สุนทรียศาสตร์ จิตวิญญาณ ไม่น้อยไปกว่าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราจะต้องเพิ่มศาสตร์ในเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อสร้างสังคมที่ดี สร้างสังคมที่มีประชาธิปไตย และไม่ลืมสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์”

“นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มกลไกการดูแลและสนับสนุนผู้รับทุนตั้งแต่ก่อนการศึกษา ระหว่างศึกษา และเมื่อจบการศึกษาแล้ว รวมทั้งได้หารือหลักการและกลไกการดำเนินงานเรื่องทุนการศึกษา ทั้งในแง่การคัดเลือกและการสรรหาผู้ได้รับทุน สาขาวิชาและประเทศเป้าหมาย รวมทั้งแนวทางการติดตามประเมินผลด้วย”

ด้าน ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. กล่าวว่า อว.ซึ่งดูแลทุนการศึกษา 60.27% ของทุนการอุดมศึกษาของประเทศ จะดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมการ โดยรวบรวมทุนใน อว.ซึ่งกระจายการดำเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ มาบริหารจัดการให้สอดคล้องในโครงสร้างเดียวกัน พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ตั้งแต่หน่วยต้นทางตลอดจนหน่วยใช้กำลังคนปลายทาง โดยเฉพาะสำนักงาน ก.พ. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ โดย รมว.อว.ได้มอบให้นำเสนอนโยบายและทิศทางการบริหารจัดการทุนพัฒนากำลังคนการอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศนี้ ต่อที่ประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทุนพัฒนากำลังคนอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป