สบน. คาดปีงบ’66 หนี้สาธารณะพุ่ง 60.43%

หนี้สาธารณะไทยพุ่ง

สบน.คาดสิ้นปีงบ’66 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60.43% ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ชี้ยังมีช่องกู้ได้อีก 1.7 ล้านล้านบาท พร้อมเปิด 2 ความท้าทายในการบริหาร “ดอกเบี้ยขาขึ้น-การของบชำระหนี้เงินต้น”

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 นางแพตตริเชีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 ไทยมีหนี้สาธารณะคงค้างจำนวน 10.31 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 60.70% ต่อจีดีพี

โดยหนี้สาธารณะคงค้างเกือบ 70% เป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ส่วนเดือนกันยายน 2565 คาดว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 60.56% ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากหลายหน่วยงานไม่ได้กู้เงินตามแผน ประกอบกับจีดีพีไทยดีขึ้น

ส่วนในปีงบประมาณ 2566 แผนการบริหารหนี้สาธารณะนั้น มี 3 ส่วน คือ แผนการก่อหนี้ใหม่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 819,000 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 200,000 ล้านบาท หน่วยงานอื่นของรัฐ 30,000 ล้านบาท, แผนบริหารหนี้เดิมอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท, แผนการชำระหนี้ 360,000 ล้านบาท โดยคาดว่าหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 จะอยู่ที่ 60.43%ต่อจีดีพี

“ภาพรวมหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2566 ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่กำหนดไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี และหนี้สาธารณะยังมีช่องให้สามารถกู้เงินได้อีก 1.7 ล้านล้านบาท เช่น หากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อยากปรับโครงสร้างประเทศอีก 1 ล้านล้านบาทก็สามารถทำได้ เป็นต้น

และจะเห็นว่าการขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% ต่อจีดีพี ไปเป็น 70% ต่อจีดีพี รัฐบาลก็ไม่ได้กู้เงินสูงมากจนเกือบเต็มเพดาน แต่เป็นการกู้เงินเพื่อมาช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ปกติจริงๆ”

ขณะที่ความท้าทายของการบริหารหนี้สาธารณะของไทยในระยะต่อไป มี 2 เรื่อง คือ สภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่ง สบน.จะประสานความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใกล้ชิด เพื่อดูแลสภาพคล่องในตลาดการเงินให้เพียงพอสำหรับการระดมทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน โดยที่ผ่านมา สบน.ได้เปลี่ยนดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่แล้วกว่า 80% ของหนี้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การที่ดอกเบี้ยสูงขึ้นจะทำให้ในอนาคตต้นทุนการกู้เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน ดังนั้นวิธีที่ใช้ คือ การกระจายการกู้เงินไปยังเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทำให้ต้นทุนของประเทศไม่กระโดดสูงจนเกินไป จนเป็นภาระต่อนักลงทุน และคนกู้เงินทั้งประเทศ

2.การของบประมาณชำระหนี้จากสำนักงบประมาณ จากปัจจุบันสำนักงบประมาณจัดสรรหนี้ชำระเงินต้นอยู่ 3% ซึ่งเป็นไปตามกรอบที่คณะวินัยการเงินการคลังระบุไว้ว่าให้อยู่ที่ 2.5-4% อย่างไรก็ดี เพื่อลดสถานะหนี้คงค้างของประเทศให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จะมีการเจรจากับสำนักงบในการของบจัดสรรหนี้มากกว่า 3% เพื่อรักษาความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลและเสถียรภาพการคลัง ในช่วงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคตด้วย