บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) แนวต้าน 1,770 – 1,800 จุด ได้อานิสงส์ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นคาด GDP ปี’66 เติบโต 3.7-3.8% ขณะที่สงคราม-เงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอยปัจจัยกดดัน ชู 3 หุ้นเด่นกลุ่มอิงการบริโภค-แบงก์-ท่องเที่ยว
วันที่ 26 มกราคม 2566 นายชาคริต พืชพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.เอ็มเอฟซี หรือ MFC กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 น่าจะเป็นปีที่มีปัจจัยบวกส่งเสริมค่อนข้างดี จากการได้รับอานิสงส์จากภาพรวมเศรษฐกิจที่เติบโตดี โดยตลาดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP) มีโอกาสเติบโตในปี 2566 นี้อยู่ที่ 3.7-3.8% รวมถึงการเปิดประเทศจะเป็นตัวที่ช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และช่วยหนุนเม็ดเงินลงทุนหรือฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ส่วนปัจจัยกดดันคาดว่าจะมาจากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครน ภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรง เป็นต้น
โดยบลจ.เอ็มเอฟซี ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) แนวต้านที่บริเวณ 1,770 – 1,800 จุด และประเมินแนวรับที่บริเวณ 1,530 จุด
โดยหุ้นไทยที่น่าสนใจสำหรับในครึ่งปีแรกจะเน้นไปที่หุ้นกลุ่มที่อิงการบริโภคการเปิดประเทศเป็นหลัก อาทิ CPALL ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ น่าจะเติบโตดีตามภาวะเศรษฐกิจและภาพของการบริโภคที่ทยอยฟื้นตัวซึ่งนักลงทุนสามารถทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารได้ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเป็นจังหวะที่ดี รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวก็ยังมีความน่าสนใจแต่ต้องเลือกหุ้นที่ยังรูมในการเติบโต
ขณะที่ประเด็นการเลือกตั้งคาดในช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้งจริงตลาดมักจะคึกคักเนื่องจากจะมีการเก็งกำไรล่วงหน้า
“เชื่อว่าจะเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น แต่หุ้นไทยสิ่งที่อาจจะเป็นตัวกดดันคือราคาหุ้นที่ยังแพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นที่อาจจะมีการเติบโตที่ดีกว่าแต่มีราคาหุ้นที่ถูกกว่าอย่างเช่นตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณา” นายชาคริต กล่าว
