ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ นับเป็นธุรกิจที่มาแรง ซึ่งบรรดาสถาบันการเงินให้ความสนใจเข้ามาปล่อยกู้ในตลาดนี้กันมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้จัดตั้ง “บริษัท เงินให้ใจ จำกัด” ขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อรถที่มีหลักประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างจับตาจังหวะก้าวที่สำคัญนี้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มเอสซีบี เอ็กซ์ (SCBX) ก็มีการจัดตั้ง “บริษัท ออโต้ เอกซ์” เพื่อปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ “เงินไชโย”
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ (TISCO) ก็ประกาศตั้งเป้าขยายการเติบโตในตลาดนี้มากขึ้น ผ่านแบรนด์ “สมหวังเงินสั่งได้” ภายใต้บริษัท “บริษัท ไฮเวย์ จำกัด”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารออมสินก็ผนึกกำลังกับบิ๊กเนมในตลาดนี้อย่าง บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ตั้งบริษัทร่วมทุน เข้าตีตลาดจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ เพื่อหวังกดอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้ลดลง
ตลาด 4 แสนล้าน ยีลด์สูง-ล่อใจ
“สุธัช เรืองสุทธิภาพ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ ในฐานะนายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถคนใหม่ กล่าวว่า ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่คาดการณ์มูลค่าว่าน่าจะอยู่ที่กว่า 4 แสนล้านบาท ยังคงเป็นที่น่าสนใจและมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทน หรือกำไรดี เมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นที่สถาบันการเงินปล่อยอยู่ในปัจจุบัน ที่ค่อนข้างอิ่มตัว
“การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นสถาบันการเงิน ก็เป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกมากขึ้น โดยการแข่งขันที่มีมากขึ้น จะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในจุดที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เฉลี่ยในตลาดจำนำทะเบียนอยู่ที่ 5-6% สูงกว่าตลาดสินเชื่อประเภทอื่นเฉลี่ยอยู่ที่ 4% อย่างไรก็ดี
คาดว่าจากการแข่งขันที่มีมากขึ้น จะทำให้ ROAในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทยอยปรับลดลง จากนี้จะเห็น Yield ของผู้ประกอบการต่ำลง ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเทอร์โบ เรายังขยายสาขาปีนี้อยู่กว่า 1,000 แห่ง จากต้นปีอยู่ที่ 790 แห่ง”
คาดสมรภูมิปีนี้แข่งเดือด
ขณะที่ “ศิวพงศ์ บุญสาลี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันในตลาดจำนำทะเบียนรถยังคงรุนแรงและดุเดือด เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีทั้งที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร และลักษณะร่วมทุน โดยคาดว่าจะเห็นผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย รวมถึงมีผู้เล่นรายเดิมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มอีกหลายราย
“จำนำทะเบียนรถเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทน (Yield) สูงกว่าผลตอบแทนที่ธนาคารสามารถทำได้ในปัจจุบัน เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อธุรกิจเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น จากเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย การส่งออกชะลอตัว ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องมองหาธุรกิจ
หรือเซ็กเตอร์ที่ยังมีโอกาสในการเติบโต ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยของจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ 15-20% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยชั้นดี (MRR) และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เฉลี่ยไม่เกิน 10% ต่อปี”
อย่างไรก็ดี ต้องติดตามกลยุทธ์การทำธุรกิจของผู้เล่นรายใหม่ ซึ่งบางรายอาจจะเล่นเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้วงเงินสูง หรือการเร่งขยายสาขาเพื่อให้เข้าถึงลูกค้า เนื่องจากจุดแข็งของบริษัทลูกธนาคารจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า และระบบบริหารจัดการภายใต้เกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะทำได้ดีกว่า
“ในอุตสาหกรรมมีความตื่นตัวและพยายามปรับตัวกับตลาดที่มีผู้เล่นมากขึ้น โดยปีนี้มีการคาดการณ์ว่าตลาดยังจะโตต่อเนื่องประมาณ 25% แต่ภายใต้การเติบโตจะต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เพราะเราเห็นเทรนด์หนี้เสียในระบบขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 2% ต้น ๆ แต่ปัจจุบันขยับมาเป็น 3% จากค่าครองชีพ น้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม ทำให้กระทบความสามารถในการจ่ายหนี้ ซึ่งปีนี้เราจะพยายามคุมหนี้เสียไม่เกิน 3%”
เจ้าตลาดไม่หวั่นแบงก์ลงสนาม
ฟาก “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) กล่าวว่า บริษัทยังคงมั่นใจในการเติบโต และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจได้ แม้ว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่ม และการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 20% จากปีก่อนที่มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.45-1.50 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท
“เราไม่กังวลเรื่องผู้เล่นรายใหม่เข้ามา เพราะเรามี 7,000 สาขา และปีนี้จะเปิดใหม่อีก 600-700 แห่ง ส่วนดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นของเราต่ำสุดในประเทศที่ระดับ 18.5% เมื่อเทียบที่อื่นคิดดอกเบี้ย 16% แต่รวมค่าใช้จ่ายอื่นรวมแล้วสูง 24%
และในทุกธุรกิจการเข้ามาใหม่ไม่ง่าย ซึ่งต้องติดตามว่าแผนกลยุทธ์จะเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เขามองธุรกิจนี้ผิดไป หากมาเริ่มตอนนี้ก็อาจจะช้าไป แต่ยอมรับว่าตลาดจำนำทะเบียนยังมีการเติบโตปีนี้ทั้งระบบน่าจะโต 20%”
จากภาพทั้งหมดนี้ หากตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีการแข่งขันกันเต็มที่มากขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีกับผู้บริโภคที่ภาระดอกเบี้ยจะต่ำลง และมีทางเลือกที่มากขึ้นด้วย