ระเบิดศึก จำนำทะเบียนรถ เจ้าตลาดไม่หวั่นแบงก์ลงสนามแข่ง

จำนำทะเบียนรถ

ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ นับเป็นธุรกิจที่มาแรง ซึ่งบรรดาสถาบันการเงินให้ความสนใจเข้ามาปล่อยกู้ในตลาดนี้กันมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี โดยล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้จัดตั้ง “บริษัท เงินให้ใจ จำกัด” ขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อรถที่มีหลักประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างจับตาจังหวะก้าวที่สำคัญนี้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มเอสซีบี เอ็กซ์ (SCBX) ก็มีการจัดตั้ง “บริษัท ออโต้ เอกซ์” เพื่อปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ “เงินไชโย”

นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ (TISCO) ก็ประกาศตั้งเป้าขยายการเติบโตในตลาดนี้มากขึ้น ผ่านแบรนด์ “สมหวังเงินสั่งได้” ภายใต้บริษัท “บริษัท ไฮเวย์ จำกัด”

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารออมสินก็ผนึกกำลังกับบิ๊กเนมในตลาดนี้อย่าง บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ตั้งบริษัทร่วมทุน เข้าตีตลาดจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ เพื่อหวังกดอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้ลดลง

ตลาด 4 แสนล้าน ยีลด์สูง-ล่อใจ

“สุธัช เรืองสุทธิภาพ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ ในฐานะนายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถคนใหม่ กล่าวว่า ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่คาดการณ์มูลค่าว่าน่าจะอยู่ที่กว่า 4 แสนล้านบาท ยังคงเป็นที่น่าสนใจและมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทน หรือกำไรดี เมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นที่สถาบันการเงินปล่อยอยู่ในปัจจุบัน ที่ค่อนข้างอิ่มตัว

“การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นสถาบันการเงิน ก็เป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกมากขึ้น โดยการแข่งขันที่มีมากขึ้น จะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในจุดที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เฉลี่ยในตลาดจำนำทะเบียนอยู่ที่ 5-6% สูงกว่าตลาดสินเชื่อประเภทอื่นเฉลี่ยอยู่ที่ 4% อย่างไรก็ดี

คาดว่าจากการแข่งขันที่มีมากขึ้น จะทำให้ ROAในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทยอยปรับลดลง จากนี้จะเห็น Yield ของผู้ประกอบการต่ำลง ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเทอร์โบ เรายังขยายสาขาปีนี้อยู่กว่า 1,000 แห่ง จากต้นปีอยู่ที่ 790 แห่ง”

คาดสมรภูมิปีนี้แข่งเดือด

ขณะที่ “ศิวพงศ์ บุญสาลี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันในตลาดจำนำทะเบียนรถยังคงรุนแรงและดุเดือด เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีทั้งที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร และลักษณะร่วมทุน โดยคาดว่าจะเห็นผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย รวมถึงมีผู้เล่นรายเดิมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มอีกหลายราย

“จำนำทะเบียนรถเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทน (Yield) สูงกว่าผลตอบแทนที่ธนาคารสามารถทำได้ในปัจจุบัน เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อธุรกิจเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น จากเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย การส่งออกชะลอตัว ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องมองหาธุรกิจ

หรือเซ็กเตอร์ที่ยังมีโอกาสในการเติบโต ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยของจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ 15-20% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยชั้นดี (MRR) และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เฉลี่ยไม่เกิน 10% ต่อปี”

ตาราง ตลาดสินเชื่อ

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามกลยุทธ์การทำธุรกิจของผู้เล่นรายใหม่ ซึ่งบางรายอาจจะเล่นเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้วงเงินสูง หรือการเร่งขยายสาขาเพื่อให้เข้าถึงลูกค้า เนื่องจากจุดแข็งของบริษัทลูกธนาคารจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า และระบบบริหารจัดการภายใต้เกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะทำได้ดีกว่า

“ในอุตสาหกรรมมีความตื่นตัวและพยายามปรับตัวกับตลาดที่มีผู้เล่นมากขึ้น โดยปีนี้มีการคาดการณ์ว่าตลาดยังจะโตต่อเนื่องประมาณ 25% แต่ภายใต้การเติบโตจะต้องควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เพราะเราเห็นเทรนด์หนี้เสียในระบบขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 2% ต้น ๆ แต่ปัจจุบันขยับมาเป็น 3% จากค่าครองชีพ น้ำมันแพง ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม ทำให้กระทบความสามารถในการจ่ายหนี้ ซึ่งปีนี้เราจะพยายามคุมหนี้เสียไม่เกิน 3%”

เจ้าตลาดไม่หวั่นแบงก์ลงสนาม

ฟาก “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) กล่าวว่า บริษัทยังคงมั่นใจในการเติบโต และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจได้ แม้ว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่ม และการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น

โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 20% จากปีก่อนที่มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.45-1.50 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท

“เราไม่กังวลเรื่องผู้เล่นรายใหม่เข้ามา เพราะเรามี 7,000 สาขา และปีนี้จะเปิดใหม่อีก 600-700 แห่ง ส่วนดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นของเราต่ำสุดในประเทศที่ระดับ 18.5% เมื่อเทียบที่อื่นคิดดอกเบี้ย 16% แต่รวมค่าใช้จ่ายอื่นรวมแล้วสูง 24%

และในทุกธุรกิจการเข้ามาใหม่ไม่ง่าย ซึ่งต้องติดตามว่าแผนกลยุทธ์จะเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เขามองธุรกิจนี้ผิดไป หากมาเริ่มตอนนี้ก็อาจจะช้าไป แต่ยอมรับว่าตลาดจำนำทะเบียนยังมีการเติบโตปีนี้ทั้งระบบน่าจะโต 20%”

จากภาพทั้งหมดนี้ หากตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีการแข่งขันกันเต็มที่มากขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีกับผู้บริโภคที่ภาระดอกเบี้ยจะต่ำลง และมีทางเลือกที่มากขึ้นด้วย