หุ้นตก 2 วัน รายย่อยแห่ช้อน ซื้อสุทธิ 2.8 พันล้าน

หุ้น

หุ้นตก 2 วัน นักลงทุนรายย่อยแห่ช้อน ซื้อสุทธิไปกว่า 2,874 ล้านบาท ส่วนนักลงทุน “ต่างชาติ-สถาบัน-บัญชีบริษัทหลักทรัพย์” เทขาย

วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งแบบแลนสไลด์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าวันจันทร์ที่ 15 พ.ค. 2566 ตลอดทั้งวันดัชนี SET Index ไต่แดนลบ ลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,536.82 จุด หรือลดลง 24.53 จุด แต่ดีดกลับขึ้นมาได้ปิดตลาดอยู่ที่ 1,541.38 จุด ลดลง 19.97 จุด หรือ -1.28% จากดัชนีวันก่อนหน้า มีมูลค่าซื้อขายรวม 68,382 ล้านบาท

โดยดัชนีปรับตัวลดลงเนื่องจากพรรคการเมืองที่มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลรอบนี้จะดำเนินนโยบายในลักษณะลดค่าไฟ ลดค่าครองชีพ และเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน โดยเห็นแรงขายหนัก ๆ ในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงกลั่น น้ำมัน และค้าปลีก รวมถึงหุ้นกลุ่มทุนใหญ่และหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เพราะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่มีโอกาสถูกกดดันจาก policy risk

ทั้งนี้พบว่านักลงทุนจำนวน 3 กลุ่มขายสุทธิหุ้นไทยคือ 1.นักลงทุนต่างประเทศ 691.15 ล้านบาท 2.นักลงทุนสถาบันในประเทศ 480.74 ล้านบาท และ 3.บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 231.54 ล้านบาท รวมมูลค่าขายสุทธิ 1,403.43 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนภายในประเทศหรือนักลงทุนรายย่อยเพียงกลุ่มเดียวซื้อสุทธิไปทั้งหมด 1,403.43 ล้านบาท

ขณะที่วันนี้ (16 พ.ค.) ตลาดหุ้นไทยแกว่งแดนบวกสลับแดนลบตลอดทาง สามารถกลับมายืนแดนบวกได้ช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย แต่เมื่อถึงช่วงท้ายตลาดก็ลงกลับไปแกว่งอยู่ในแดนลบ จนกระทั่งปิดตลาดอยู่ที่ 1,593.84 จุด ปรับตัวลดลง 1.54 จุด หรือ -0.10% จากดัชนวันก่อนหน้า ลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1,536.36 จุด หรือลดลง 5.02 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 53,185 ล้านบาท

โดยพบว่านักลงทุนรายย่อยยังเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิหุ้นไทย จำนวน 1,471.23 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,111.41 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 316.66 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 43.16 ล้านบาท

ดังนั้นเมื่อรวมเวลา 2 วันทำการช่วงตลาดหุ้นตกจากความกังวล policy risk พบว่านักลงทุนรายย่อยได้เข้าช้อนหรือซื้อหุ้นไทยรวมกันกว่า 2,874.66 ล้านบาท