บลจ.อีสท์สปริง ชู 3 แนวทางดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้า AUM สิ้นปี 3.8 แสนล้าน

บลจ.อีสท์สปริง
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด

บลจ.อีสท์สปริง โชว์ 3 กลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ชูจุดเด่นครองส่วนแบ่งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอันดับที่  1 พร้อมตั้งเป้า AUM สิ้นปี 2566 เพิ่มขึ้น 6% หรือขยับขึ้นมาเป็น 3.8 แสนล้านบาท

วันที่ 25 สิงหาคม 2566 นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการลงทุนทั่วโลก และความไม่แน่นอนด้านการเมืองในประเทศ จึงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมกองทุนรวม ในการแสวงหาสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน

ในขณะที่บลจ.อีสท์สปริง ภายหลังการควบรวมระหว่างบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาตสำเร็จ ได้ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมไปกับการสร้างความแข็งแกร่งของระบบงานภายในเพื่อเสริมศักยภาพ รวมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมนำเทคโนโลยีมาเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าทั่วไป และลูกค้าสถาบัน

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Funds หรือ FIFs) ส่งผลให้บริษัทฯ ครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวม FIF ประเภทตราสารหนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 28% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท จากกองทุนรวม FIF ทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ที่ 17% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 1.18 แสนล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธันวาคม 2565)

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของ AUM ในสิ้นปี 2566 นี้เพิ่มขึ้น 6% จากสิ้นปี 2565 หรือขยับขึ้นมาเป็น 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป้าหมายนั้นไม่ได้สูงมากแต่เน้นให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนพัฒนาหลังบ้านเป็นหลัก

Advertisment

สำหรับจุดเด่นของบริษัทฯ ได้ครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ประเภทตราสารหนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 28% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท จากกองทุนรวม FIF ทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งครองสัดส่วนการตลาดอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม ที่ 17% ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 1.18 แสนล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ 31 ธันวาคม 2565)

ด้านกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์อีสท์สปริงเป็นที่ยอมรับจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น มี 3 แนวทาง คือ

1) มุ่งเน้นการสร้างทางเลือก พร้อมกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีให้กับผู้ที่ประสงค์จะมีอิสระทางการเงินหลังเกษียณ ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย และมีคุณภาพ รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการจัดการพอร์ตการลงทุนได้ตามความต้องการผ่าน FundLink Online และ FundLink M Choice ซึ่งในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยสามารถเลือกการลงทุน และปรับสัดส่วนการลงทุนได้ ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้นจาก PVD Application ใหม่ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้

2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Best in Class แล้ว บริษัทฯ ยังเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานประโยชน์ของกองทุนรวมและประกันเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นทางเลือกและส่วนประกอบในพอร์ตการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisment

3) การนำระบบงานด้านการจัดการลงทุนชั้นนำของโลกเข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยเป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง ตลอดจนประเมินแหล่งที่มาของผลตอบแทน (Attribution Analysis) บน One Single Platform เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด ในการบริหารกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล

บริษัทฯ มีความร่วมมือในการบริหารพอร์ตสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลกในลักษณะ Multi Asset Portfolio Solutions ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารการลงทุนกว่า 25 ปี มีทีมผู้จัดการลงทุนดูแลกว่า 50 คนในภูมิภาคเอเชีย พร้อมด้วยเทคโนโลยี LOGOS ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการจัดพอร์ตและตัดสินใจในการลงทุนของ Eastspring Investments

“บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเน้นไปที่การเติบโตอย่างออเเกนิค โตไปพร้อมกับลูกค้า เพราะฉะนั้นแผนการบริหารต่าง ๆ อาจไม่ได้หวือหวาแต่จะมีความมั่นคง เน้นดูแลลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวดารบุษป์ กล่าว