กรุงไทย ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.45%-เงินกู้ขึ้นเฉลี่ย 0.25%

ธนาคารกรุงไทย กรุงไทย Krungthai

​ธนาคารกรุงไทย ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 0.10-0.45% ต่อปี และเงินกู้ 0.25% ต่อปี พร้อมดูแลลูกค้าให้สามารถปรับตัว หลังกนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมยืนหยัดช่วยเหลือลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน

วันที่ 4 ตุลาคม 2566 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%

เพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินให้เข้าสู่ภาวะสมดุล พร้อมรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคำนึงถึงผู้ฝากเงิน และพิจารณาอย่างรอบคอบถึงภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการดูแลลูกค้าให้สามารถปรับตัว สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ

ธนาคารประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.10-0.45 % ต่อปี เพื่อส่งเสริมวินัยการออม เพิ่มผลตอบแทนและรายได้ให้กับลูกค้าในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

โดยปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับบุคคลธรรมดา ประเภทเงินฝากประจำ 24 เดือนเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.45% เป็น 2.40% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน 0.30% เป็น 2.65% ต่อปี พร้อมสนับสนุนการฝากเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ผ่านเงินฝาก Krungthai NEXT Savings เปิดบัญชีง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT อัตราดอกเบี้ย 1.50%

และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพิ่มขึ้น 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) อยู่ที่ระดับ 7.05% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ระดับ 7.52% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) อยู่ที่ระดับ 7.57% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ธนาคารยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งครัวเรือนบางส่วนที่ยังมีความเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ฟื้นตัวช้า รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ SME ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการความช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแบบตรงจุดและทันท่วงทีและมาตรการช่วยเหลือพิเศษเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน

โดยธนาคารจะเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยงของลูกค้า พร้อมดำเนินนโยบายด้านสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน