
ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการเกาะติดโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขู่เตือนแล้วไม่ฟัง ถ้ามีปัญหา ครม.ต้องรับผิดชอบ ด้านรองเลขาฯนายกฯ ฝ่ายการเมือง ไม่หวั่นถูกจับตา ยื่นข้อมูลต่อ กกต.แล้ว
วันที่ 11 ตุลาคม 2566 ข่าวสด รายงานว่า ในการประชุม ป.ป.ช. วันที่ 11 ต.ค. ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท โดยให้เชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านเศรษฐศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาร่วมเป็นคณะกรรมการ
- พระราชทานอภัยโทษ คดีทักษิณ ที่มาวาระอันเป็นมงคล วโรกาสสำคัญ
- หมอธีระวัฒน์ ชี้ งานวิจัยระบุ ชอบกินเนื้อสัตว์เสี่ยงตาย ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ไม่ช่วย
- พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการดังกล่าว ว่ามีข้อน่าห่วงใย หรือความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาการทุจริต หรือผลกระทบด้านเศรษฐกิจในระยะยาว ตามที่มีนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยท้วงติงมาหรือไม่
ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้สำนักงาน ป.ป.ช.ไปพิจารณาจะเชิญบุคคลใดบ้างมาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อสรุปความเห็นโครงการดังกล่าว และให้ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนจะใช้เวลาศึกษานานเท่าใด
ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการพิจารณาจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านใดบ้างมาร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเลต โดยยังไม่ระบุตัวบุคคลชัดเจนจะเชิญใครมาบ้าง
คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วิเคราะห์และเฝ้าระวังโครงการดังกล่าว ว่ามีความน่าห่วงใยหรือความสุ่มเสี่ยงในด้านใดบ้าง เพราะตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้อำนาจ ป.ป.ช.ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐและรัฐบาล เพื่อให้วางมาตรการป้องกันการทุจริตหรือข้อน่าห่วงใยที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงได้
เบื้องต้นในโครงการดิจิทัลวอลเลต ป.ป.ช.จะรวบรวมประเด็นที่มีข้อถกเถียง และเชิญผู้มีความรู้ ผู้ทรงคุณวุฒิมาศึกษาร่วมกัน ว่าโครงการมีความสุ่มเสี่ยง หรือข้อควรระวังในการดำเนินการหรือไม่ จากนั้น ถ้ามีข้อห่วงใยจะเสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ
“เหมือนกับโครงการจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช.เคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะหรือข้อท้วงติงแจ้งไปยัง ครม.แล้ว หาก ครม.ไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง เมื่อเกิดปัญหาต้องรับผิดชอบ” เลขาฯ ป.ป.ช.กล่าว
รองเลขาฯนายกฯ ฝ่ายการเมือง ไม่หวั่นถูกจับตา
ขณะที่ มติชน รายงานว่า นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ตนไม่แน่ใจว่า ป.ป.ช.จะจับตาเรื่องอะไร เพราะนโยบายนี้ก็ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอนเลือกตั้งแล้ว เพราะฉะนั้นหากจะจับผิดอะไรเราคิดว่าเราไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ป.ป.ช.ท่านคงไม่ได้ติดตามเพียงแค่เรื่องนี้ คงติดตามทุก ๆ เรื่องตามหน้าที่ของท่าน
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าบางคนที่ออกมาค้านอาจเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการเมือง เพราะเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย นายสมคิด กล่าวว่า ตนไม่อยากระบุชื่อ เพราะบางคนก็อคติเกินไป คิดแบบอคติเกินไป แต่บางคนเหมือนนักวิชาการ หลายคนที่เขียนมา 5-6 ข้อ ที่มีอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติด้วยนั้น ตนคิดว่าดี เพราะเป็นการติติงเชิงหลักการ แต่บางคนที่เขียนมาใส่ความคิดส่วนตัวเยอะไปหน่อย อคติเยอะไปหน่อย
เพราะฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่า ในรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ ลุกขึ้นฟื้นได้ ก็ไม่อยากโทษว่ารัฐบาลที่แล้วเขาก็ทำเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันยังไม่ฟื้น อาจจะยังกะปริบกะปรอย คนละ 300-500 บาทต่อเดือน แต่นี่เราโยนไปทีเดียว 6 เดือน ซึ่งตนเชื่อว่าก็เชื่อมั่นและมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะหมุนได้ในวงกว้าง
“มีการพูดคุยกันเหมือนกันว่าดิจิทัลวอลเลตนี้จะใช้ที่ไหน ในตำบล หรือในอำเภอ ซึ่งล่าสุด หลังจากพูดคุยแล้ว ในส่วนตัวของผมเห็นว่า ควรจะกำหนดอำเภอเพราะจะสะดวกกว่า ถ้าเป็นจังหวัดจะกว้างไป ทุกอำเภอมีร้านค้า เศรษฐกิจในอำเภอจะได้ทั่วถึง 700-800 อำเภอ สาเหตุที่เราทำเช่นนี้ เพราะต้องการทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าเดินหน้าได้ดีขึ้น” นายสมคิดกล่าว
เมื่อถามถึงเงื่อนไขในการแจก เน้นคนจนมากกว่าคนรวย หรือเฉพาะกลุ่ม นายสมคิด กล่าวว่า หลายคนบอกว่าต้องเลือกกลุ่มแจก เพราะจะไปเลือกทำไมคนที่รวยอยู่แล้วเขาคงไม่เอา ไม่อยากใช้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังศึกษา เพราะในอนุกรรมการเองก็หารือกันอยู่ ว่าจะคัดคนรวยอย่างไร คัดคนจนอย่างไร จะแยกตรงไหนอะไรเป็นมาตรฐานว่าใครรวย ใครจน
“ในความคิดของผม อยากให้มอบให้ทุกคน คนรวยไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรแต่เป็นสิทธิ เหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ทุกคนมีสิทธิ์ ซึ่งถ้าคนรวยไม่ต้องการใช้ ก็ไม่มีปัญหา เขาก็คืนมาใน 6 เดือนเป็นอัตโนมัติ เพราะการแบ่งคนรวยคนจนจะทำอย่างไร มันเป็นเรื่องยากมาก แนวคิดนั้นได้ แต่วิธีปฏิบัติจะดูอย่างไร” นายสมคิดกล่าว